ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม
ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม
ช่วงต้นทศวรรษที่ ๒๕๐๐ การขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รุนแรงมาก ประเทศเพื่อนบ้านได้แก่เวียดนามเกิดสงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ายโลกเสรีกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ มีการขยายอุดมการณ์เข้ามาในประเทศ อดีตอาณานิคมฝรั่งเศส คือ ลาวและกัมพูชา และประเทศไทย ต่างประสบปัญหาการแทรกซึมของขบวนการนี้ เฉพาะประเทศไทยครอบคลุมพื้นที่หลายจังหวัด ความรุนแรงถึงระดับปะทะกัน ต้องใช้กำลังกองทัพปราบปราม ซึ่งกินเวลายาวนานกว่าสองทศวรรษ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยเจ้าหน้าที่ที่พิการสูญเสียอวัยวะจากการต่อสู้กับผู้ก่อการร้าย เพราะเป็นการเสียสละร่างกายให้บ้านเมือง ควรที่จะได้รับการช่วยเหลือให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข อันเป็นที่มาของการจัดตั้ง “ศูนย์ฝึกอาชีพพระราชทานเพื่อฝึกอาชีพให้แก่ทหารพิการ” และการจัดตั้ง “มูลนิธิสายใจไทย” ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ต้องพลีชีพเพื่อชาตินั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงศพเหล่าวีรชนที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหารบางเขน เป็นประจำทุกครั้ง เป็นเกียรติยศสูงสุดที่พระราชทานแก่ผู้สละชีพเพื่อชาติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำรัสแก่ผู้บริหารประเทศดำเนินการพัฒนาพื้นที่เสี่ยงภัยเหล่านั้นและพื้นที่ในชนบทอื่นๆ อย่างกว้างขวาง ทั้งด้านการคมนาคม การศึกษา สาธารณสุข และการส่งเสริมอาชีพ ที่ล้วนเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสิ้น ทรงเชื่อมั่นว่าถ้าประชาราษฎร์มีความอยู่ดีกินดีแล้ว ย่อมยินดีในความสงบสันติมากกว่าการต่อสู้รบราฆ่าฟันกัน จึงทรงสามารถดึงประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองทีละน้อยเป็นขั้นเป็นตอน อันนำไปสู่การพัฒนาความมั่นคงของ การปกครองระบอบประชาธิปไตย