ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การคมนาคม"

จาก WIKI84
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 24 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
[[ภาพ:คมนาคม1.jpg|center]]
<div id="bg_g1t">&nbsp;</div>
<div id="bg_g1">
<div id="bg_g0t">
__NOTOC__
[[ภาพ:คมนาคม1.jpg|ในหลวงทรงประทับบนสะพานอย่างใกล้ชิดกับประชาชน|center]]
<center><h3>การสร้างเส้นทางคมนาคมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ</h3></center>
<div class="kindent">พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสนพระราชหฤทัยด้านการคมนาคมมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ความพอพระราชหฤทัยในเรื่องนี้เป็นที่รู้กันดีในหมู่พระประยูรญาติ ดังจะเห็นได้จากการที่ทรงได้รับพระราชทานของฝากเป็นรถเด็กเล่นจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดการเล่นรถไฟ และเมื่อทรงเจริญพระชนมายุขึ้นทรงสามารถประกอบเรือเดินสมุทร เรือรบ และเครื่องบินจำลองด้วยพระองค์เอง


=='''พุทธศักราช ๒๔๙๕ ถนนพระราชดำริสายแรก'''==
เมื่อเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ พระราชกรณียกิจที่สำคัญประการหนึ่งเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรทั่วประเทศคือ การก่อสร้างเส้นทางคมนาคม เพื่อเปิดประตูสู่พื้นที่ชนบท และแก้ปัญหาจราจรในเขตเมืองมากมายหลายโครงการด้วยกัน เพื่อสร้าง “ความมั่นคงผาสุก และความร่มเย็นอย่างยั่งยืน” ตอบสนองทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ
 
</div>
หากมองย้อนกลับไปในช่วงต้นรัชกาล เราจะเห็นภาพเส้นทางเกวียนจำนวนเส้นทางระหว่างเมืองและชุมชนก็มีน้อยหรือถนนที่มีฝุ่นฟุ้งตลบ ทางที่คดเคี้ยวเป็นหลุมเป็นบ่อ ต้องใช้เวลานานในการเดินทาง ทำให้ประชาชนในชนบทติดต่อชุมชนเมืองอย่างยากลำบาก อีกทั้งบริการของรัฐก็เข้าไปไม่ถึง ได้พระราชทานพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า
'''ทรงเปิดเส้นทางการพัฒนาสู่ชนบทที่ห่างไกล'''
 
<div class="kindent">นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชภารกิจด้วยพระองค์เองโดยไม่ต้องผ่านคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นั้น ได้เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปทรงเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของพสกนิกรอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เริ่มจากการเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในพุทธศักราช ๒๔๙๔ ทำให้ทรงตระหนักถึงปัญหาของพสกนิกร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานความช่วยเหลือด้านต่างๆ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขของราษฎร พระราชภารกิจประการหนึ่งคือการ “ตัดเส้นทาง” เปิดประตูนำความเจริญสู่พื้นที่ชนบท
 
<div style="color:darkgreen">"...ที่ข้างในหนองพลับแต่ก่อนนี้เข้าไม่ได้ แค่ครึ่งทางไปหนองพลับก็ไม่ได้ .. ปี ๒๔๙๕ หรือ ๙๖ เพิ่งได้รถบลูโดเซอร์ แล้วเอารถไปให้ค่ายนเรศวรให้สร้างถนนให้ไถถนนเข้าไปถึงห้วยมงคล ซึ่งเดี๋ยวนี้ห้วยมงคล ๒๐ นาทีก็ถึง ตอนนั้นเข้าไปตั้งแต่ ๘-๙ โมงเช้า เข้าไปถึงร่วมบ่ายโมง ไปรถจิ๊ปเข็นเข้าไป ลากเข้าไป..."
</div>
</div>


 
<center>
<div style="display:table; width:90%; border:thin solid red" align="center">
<div style="display:table; width:90%; margin-left:5%;text-align:left">
==='''พุทธศักราช ๒๔๙๕ ถนนพระราชดำริสายแรก'''===
<div class="kindent">หากมองย้อนกลับไปในช่วงต้นรัชกาล เราจะเห็นภาพเส้นทางเกวียนจำนวนเส้นทางระหว่างเมืองและชุมชนก็มีน้อยหรือถนนที่มีฝุ่นฟุ้งตลบ ทางที่คดเคี้ยวเป็นหลุมเป็นบ่อ ต้องใช้เวลานานในการเดินทาง ทำให้ประชาชนในชนบทติดต่อชุมชนเมืองอย่างยากลำบาก อีกทั้งบริการของรัฐก็เข้าไปไม่ถึง ได้พระราชทานพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า
<span style="color:darkgreen">"...ที่ข้างในหนองพลับแต่ก่อนนี้เข้าไม่ได้ แค่ครึ่งทางไปหนองพลับก็ไม่ได้ .. ปี ๒๔๙๕ หรือ ๙๖ เพิ่งได้รถบลูโดเซอร์ แล้วเอารถไปให้ค่ายนเรศวรให้สร้างถนนให้ไถถนนเข้าไปถึงห้วยมงคล ซึ่งเดี๋ยวนี้ห้วยมงคล ๒๐ นาทีก็ถึง ตอนนั้นเข้าไปตั้งแต่ ๘-๙ โมงเช้า เข้าไปถึงร่วมบ่ายโมง ไปรถจิ๊ปเข็นเข้าไป ลากเข้าไป..."
</span>
ที่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กไฟก็เช่นเดียวกัน แม้จะขึ้นอยู่กับอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และอยู่ห่างไกลความเจริญไม่ถึง ๒๐ กิโลเมตร แต่ก็ยังไม่มีถนนจากหมู่บ้านสู่ตลาดหัวหิน ประชาชนได้รับความลำบากในการเดินทางติดต่อกับภายนอกอย่างมาก
ที่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กไฟก็เช่นเดียวกัน แม้จะขึ้นอยู่กับอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และอยู่ห่างไกลความเจริญไม่ถึง ๒๐ กิโลเมตร แต่ก็ยังไม่มีถนนจากหมู่บ้านสู่ตลาดหัวหิน ประชาชนได้รับความลำบากในการเดินทางติดต่อกับภายนอกอย่างมาก
</div>
[[ภาพ:คมนาคม2.jpg|รถพระที่นั่งติดหล่ม|left]]เช้าวันหนึ่ง รถยนต์พระที่นั่งบุกเข้าไปถึง "บ้านห้วยมงคล" แล้วไปตกติดหล่ม ลุงรวย งามขำ เกษตรกรพร้อมเพื่อนบ้านได้เข้ามาช่วยเหลือโดยไม่ทราบว่าเจ้าของรถที่ขับมาติดหล่มอยู่นั้นเป็นใคร ภายหลังเมื่อเจ้าของรถลงมา จึงนึกได้ถึงคำบอกเล่าของผู้ใหญ่บ้านว่า "พระเจ้าอยู่หัว" กับ "สมเด็จพระราชินี" จะเสด็จพระราชดำเนินมาที่หัวหิน


[[ภาพ:คมนาคม2.jpg|left]]เช้าวันหนึ่ง รถยนต์พระที่นั่งบุกเข้าไปถึง "บ้านห้วยมงคล" แล้วไปตกติดหล่ม ลุงรวย งามขำ เกษตรกรพร้อมเพื่อนบ้านได้เข้ามาช่วยเหลือโดยไม่ทราบว่าเจ้าของรถที่ขับมาติดหล่มอยู่นั้นเป็นใคร ภายหลังเมื่อเจ้าของรถลงมา จึงนึกได้ถึงคำบอกเล่าของผู้ใหญ่บ้านว่า "พระเจ้าอยู่หัว" กับ "สมเด็จพระราชินี" จะเสด็จพระราชดำเนินมาที่หัวหิน
<div class="kindent">ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ ได้รับสั่งถามถึงปัญหาของหมู่บ้าน และทรงทราบว่าสิ่งที่ชาวบ้านห้วยมงคลต้องการมากที่สุดคือ "ถนน" ดังนั้นต่อมาอีกไม่นาน โครงการพระราชดำริเพื่อก่อสร้าง "ถนนห้วยมงคล" จึงได้เกิดขึ้น นับเป็นถนนพระราชดำริสายแรกที่ทอดไปสู่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั่วประเทศ</div>
</div>
</div></center>


ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ ได้รับสั่งถามถึงปัญหาของหมู่บ้าน และทรงทราบว่าสิ่งที่ชาวบ้านห้วยมงคลต้องการมากที่สุดคือ "ถนน" ดังนั้นต่อมาอีกไม่นาน โครงการพระราชดำริเพื่อก่อสร้าง "ถนนห้วยมงคล" จึงได้เกิดขึ้น นับเป็นถนนพระราชดำริสายแรกที่ทอดไปสู่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั่วประเทศ


===พุทธศักราช ๒๕๑๔ การแก้ปัญหาคมนาคมในมหานคร===
[[ภาพ:คมนาคม3.jpg|left]]พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริด้านการแก้ปัญหาการจราจรเริ่มตั้งแต่ปี ๒๕๑๔ โดยในครั้งนั้น มีรับสั่งให้รัฐบาลดำเนินการสร้างถนนวงแหวนขึ้นแทนการสร้างพระบรมราชานุสรณ์ที่รัฐบาลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจัดสร้าง เนื่องในโอกาสที่ทรงครองราชย์ครบ ๒๕ ปี


เกี่ยวกับปัญหาเสร้างทางจราจร ในกรุงเทพฯ นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพิจารณาว่าประเด็นหนึ่งเกิดจากการที่กรุงเทพฯ มิได้มีแผนผังเมืองที่จริงจัง ดังพระราชดำรัสที่ได้พระราชทานไว้เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๓๗ ความตอนหนึ่งว่า
[[ภาพ:011009-การคมนาคม-02.jpg|400px|center]]
<div class="kindent">ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่างๆ นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างพระตำหนักประจำภูมิภาคเพื่อเป็นฐานการทรงงาน ส่งผลให้มีการก่อสร้างเส้นทางสัญจรสายใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นตามรอยพระยุคลบาท และทรงใช้เส้นทางเหล่านั้นในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรและพระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเกือบ ๔,๐๐๐ โครงการ ที่กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่งล้วนเอื้อประโยชน์ต่อพสกนิกรทั้งในชนบทและชุมชนเมืองของไทยให้สามารถพึ่งตนเองได้อย่างพอเพียงและยั่งยืน


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแนะนำหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องให้ก่อสร้างถนนอีกหลายเส้นทางซึ่งนอกเหนือไปจากเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการสัญจรของราษฎร ยังรวมถึงเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ
เป็นสำคัญอีกด้วย โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคใต้ รวมทั้งยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปในพื้นที่อันตราย เช่น เส้นทางสายน่าน - ปัว - ทุ่งช้าง - ปอน - ห้วยโก๋น อันเป็นเส้นทางที่ผู้ก่อการร้ายคุกคาม เพื่อขัดขวางการก่อสร้างทางมากกว่า ๑,๗๐๐ ครั้ง ทำให้สูญเสียเครื่องจักรและชีวิตของนายช่าง คนงาน ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และพนักงาน ของบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นจำนวนมาก แม้จะเต็มไปด้วยภัยอันตรายนานา แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มิได้ทรงหวั่นยังเสด็จพระราชดำเนินไปเพื่อพระราชทานขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงและหน่วยราชการอื่นๆ ในการบุกเบิกสร้างทางเหล่านั้น


<div style="color:darkgreen">"... สำหรับการจราจรเครื่องมือนั้นสำคัญที่สุดก็คือถนน ก็ต้องมีถนนที่เหมาะสม มีเครื่องควบคุมจราจรที่เหมาะสมและมีเกฎเกณฑ์ของแต่ละแห่ง แต่ละส่วนของผิวจราจรนั้นให้เหมาะสม อันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องนิติศาสตร์ ไม่ใช่เรื่องรัฐศาสตร์ หรือของตำรวจ หรือของศาล เป็นเรื่องของวิศวกรรม ก็จะต้องทำวิศวกรรมให้ดีขึ้น คือ หมายความว่า ทำถนนให้ดีขึ้นให้สอดคล้อง ซึ่งเป็นการบ้านที่หนักที่สุด เพราะว่ากรุงเทพฯ ได้สร้างมาเป็นเวลา ๒๐๐ ปีแล้ว ไม่ได้มีผังเมืองที่จริงๆ จัง ๆ ก็มีการผังเมืองของทางการ แต่ว่าก็ไม่ค่อยได้ประโยชน์มากนัก เพราะว่าคนไทยตามชื่อเป็นคนไทย คือมีอิสระบังคับกันไม่ได้ จะสร้างอะไรก็สร้าง อยากจะสร้างเดี๋ยวก็สร้างไปขวางกับคนอื่น คือขวางทางอื่น อันนี้ก็เลยแก้ไขไม่ได้..."</div>
ช่วงพุทธศักราช ๒๕๒๑ - ๒๕๒๓ และ ๒๕๒๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริให้ดำเนินการปรับปรุงถนนในพื้นที่ทุรกันดาร เพื่ออำนวยประโยชน์ให้พสกนิกรที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านต่างๆ สามารถเดินทาง
ติดต่อถึงกันด้วยความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยตลอดเส้นทาง โครงการปรับปรุงเส้นทางดังกล่าวมีจำนวนมากถึง ๔๕ สาย ส่วนใหญ่เป็นเส้นทางในภาคเหนือรองลงมาคือ ภาคใต้


การดำเนินงานตามโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำหรือฝายหรือโครงการฟาร์มตัวอย่างต่างๆ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ยังนำมาซึ่งการสร้างเส้นทางคมนาคมสายใหม่ๆ เพื่อให้สอดรับกับการพัฒนาพื้นที่แบบเบ็ดเสร็จ นั่นคือ นอกจากจะมีสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างเพียงพอ มีทรัพยากรสำหรับการประกอบอาชีพให้มั่นคงแล้ว ยังต้องมีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกเพื่อการติดต่อสัญจรของชาวบ้าน ซึ่งกรมทางหลวงชนบท หน่วยงานราชการที่รับผิดชอบโดยตรงได้สนองตามพระราชดำริ ดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงถนนให้ได้มาตรฐาน เอื้อประโยชน์ต่อเกษตรกรในโครงการพัฒนาพื้นที่เหล่านั้นได้เป็นอย่างดี


พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เปิดทางสร้างถนนในพื้นที่ชนบทได้สร้างคุณูปการต่างๆ มากมายทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นการเปิดเส้นทางเพื่อรับการพัฒนาในด้านต่างๆ ให้เข้าสู่
พื้นที่ ช่วยให้การเดินทางสัญจรระหว่างชุมชนคล่องตัวและช่วยลดต้นทุนในการขนส่งผลผลิตไปสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว ราษฎรมีงานทำ สามารถประกอบอาชีพภายในภูมิลำเนา ลดการเดินทางเข้าไปหางานทำในเมืองใหญ่ มีรายได้ในครัวเรือนเพิ่มขึ้นและสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ ทำให้สถาบันครอบครัวมีความมั่นคงเข้มแข็งอย่างยั่งยืน
</div>


<center>
{| width="90%" border="1"
|align = "center" width="80"|พุทธศักราช||align = "center"  width="250"|เส้นทาง||align = "center" width="250"|หมายเหตุ
|-
|align = "center"|๒๔๙๕||* สายห้วยมงคล ประจวบคีรีขันธ์||เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
|-
|align = "center"|๒๕๑๓||* สายอำเภอรามัน - บ้านตะโละหะลอ อำเภอรือเสาะ นราธิวาส|| เพื่อความมั่นคงทางการเมืองและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
|-
|align = "center"|๒๕๑๙||* สายปราจีนบุรี - เขาใหญ่ ทางหลวงหมายเลข ๓๐๗๗ ปราจีนบุรี||เส้นทางสายยุทธศาสตร์ให้รถยนต์ทหารผ่าน เพื่อความมั่นคงของประเทศบริเวณชายแดนกัมพูชา
|-
|align = "center"|๒๕๒๑||* สายอำเภอระแงะ - บ้านดุซงญอ - นิคมพัฒนาภาคใต้ นราธิวาส||เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
|-
|align = "center"|๒๕๒๑||* สายบ้านสามแยก - อำเภอสุไหงปาดี นราธิวาส||เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
|-
|align = "center"|๒๕๒๑||* สายบ้านวาก - บ้านใหม่ - บ้านแม่ตะไคร้ ทางหลวงหมายเลข ๑๒๒๙ เชียงใหม่ - ลำพูน||ปรับปรุงเส้นทางข้ามภูเขาระหว่างบ้านเปาสามขา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ไปอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและสังคม
|-
|}</center>


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเข้าพระราชหฤทัยถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องเผชิญอยู่กับปัญหาการจราจรทุกวันได้เป็นอย่างดี ดังพระราชดำรัสที่ได้พระราชทานแก่เอกอัครราชทูตและกงศุลใหญ่ที่ประจำการในต่างประเทศ เนื่องในโอกาสเข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๘ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ความตอนหนึ่งว่า
หมายเหตุ: ภายหลังจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริให้สร้างเส้นทางคมนาคมอย่างต่อเนื่อง
 
 
[[ภาพ:คมนาคม4.jpg|left]]<div style="color:darkgreen">"การที่จราจรคับคั่งเป็นปัญหาที่ยุ่งยาก และขอพูดคือประชาชนเดือดร้อน ประชาชนจะไปทำงานทำการต้องเสียเวลาบนถนน ระหว่าง ๒-๑๐ ชั่วโมง ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพของบุคคลด้วยลงไป"</div>
 
 
 
 
การที่ทรงทราบว่าการจราจรในกรุงเทพมหานครคับคั่งนั้น ทรงอธิบายว่า
 
 
 
 
 
<div style="color:darkgreen">"ถ้าดูแล้ว ท่านทั้งหลายอาจนึกเหมือนบางคน ไม่ใช่บางคนเกือบทุกคนบอกว่าพระเจ้าอยู่หัวอยู่ในวัง ไม่ออกไปเท่าไร ไม่เที่ยวไหน เพราะไม่ใช่เป็นคนเที่ยว ทำไมรู้ว่าตรงโน้นตรงนี้คับคั่ง ทำไมรู้ว่าอะไรเป็นอย่างไร มันมาจากไอที คือว่า Information Technology จราจรในกรุงเทพฯนี้ ถนนมีพอถ้าเฉลี่ยรถไป รถที่ใช้ไม่ใช่จำนวนรถทั้งหมดที่มีในกรุงเทพฯ แต่รถที่กำลังใช้อยู่ในกรุงเทพฯนี้ บางท่านมีรถ ๒๐ คัน ๓๐ คัน แต่ท่านเป็นคนเดียว มีสองขาสองแขน ท่านจะขับรถสิบคันไม่ได้ ท่านไม่ได้เป็นทศกัณฑ์ ทศกัณฑ์เองสมมติว่ามีรถ ท่านก็คงใช้รถสิบคันพร้อมกันไม่ได้ เพราะว่าทศกัณฐ์มียี่สิบกรจริง มีสิบเศียรแต่แยกไม่ได้ แยกได้แต่หัวใจ ไม่สามารถที่จะใช้รถสิบคันพร้อมกัน ฉะนั้นคนที่มีรถหลายคันไม่ได้เป็นอันตรายต่อปัญหาจราจร ต้องดูว่าในเวลาเดียวกันจะมีรถแล่นกี่คัน"</div>
 
 
 
===พระราชดำริ...เชื่อมต่อถนน===
หลังจากทรงศึกษาปัญหาการจราจรในกรุงเทพอย่างต่อเนื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย ซึ่งนำไปสู่การก่อสร้างถนน และปรับปรุงเส้นทางสัญจรหลายสาย ได้แก่ โครงการก่อสร้างถนนรัชดาภิเษก โครงการถนนเลียบทางรถไฟสายใต้จากสถานีบางกอกน้อยถึงถนนจรัญสนิทวงศ์ โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายผิวจราจรถนนราชดำเนินหน้ากรมประชาสัมพันธ์ โครงการขยายสะพานผ่านฟ้าลีสาศ โครงการก่อสร้างสะพานคู่ขนานสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนิน โครงการก่อสร้างถนนเชื่อมระหว่างสะพานพระราม ๙กับถนนเทียมร่วมมิตร โครงการก่อสร้างถนนสายที่ ๑ เชื่อระหว่างถนนพระราม ๙ กับถนนเพชรบุรีตัดใหม่ โครงการก่อสร้างถนนเชื่อมระหว่างถนนพระราม ๙ กับถนนประชาอุทิศ โครงการก่อสร้างสพะพานคนเดินข้ามถนนรัชดาภิเษก โครงการทางยกระดับทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนี โครงการสะพานพระราม ๘ หนึ่งในโครงการจตุรทิศ โครงการพัฒนาอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อเพิ่มพื้นที่การจรจร โครงการก่อสร้างถนนเลียบบึงมักกะสัน จากถนนศรีอยุธยาถึงอโศกดินแดง และโครงการขยายถนนศรีอยุธยาข้างสวนจิตรลดา
 
[[ภาพ:คมนาคม5.jpg|center]]
โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายผิวจราจร ถนนราชดำเนิน บริเวณหน้ากรมประชาสัมพันธ์
โครงการขยายสะพานผ่านฟ้าลีสาศ โครงการก่อสร้างถนนรัชดาภิเษก
 
 
=== ทางเชื่อมจตุรทิศ===
ก่อนเกิดการคมนาคมระหว่างฝั่งพระนครกับฝั่งธนบุรีจะได้รับความสะดวกดังปัจจุบัน ฝั่งธนบรีมีถนนจรัญสนิทวงศ์ เพื่อสายเดียวที่เป็นถนนสายหลักเชื่อกรุงเทพฯมหานครฝั่งตะวันตกเข้ากับฝั่งตะวันออก คือ เชื่อมต่อระหว่างสะพานกรุงเทพกับสะพานพระราม ๗ ถนนจรัญสนิทวงศ์จึงเป็นเส้นคมนาคมสู่ย่านชุมชนสำคัญหลายจุด ได้แก่ ท่าพระ บางขุนนนท์และบางพลัด รวมทั้งได้ใช้เป็นเเส้นทางไปสู่ถนนเพชรเกษมหรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๕ ซึ่งเป็นเส้นทางสู่จังหวัดในภาคตะวันตกและภาคใต ได้แก่นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี ฯลฯ ด้วยระยะต่อมา แม้ว่ารัฐจะเพิ่มเส้นทางหลวงพิเศษหมายเลข ๓๕ สายธนบุรี-ปากท่อ อันเป็นเส้นทางหลักไปจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ฯลฯ แล้ว แต่ปริมาณการจราจรก็ยังคงหนาแน่นไม่เพียงพอ ทำให้เกิดความคับคั่งบนถนนเพชรเกษม และถนนธนบุรี-ปากท่อ อีกทั้งส่งผลกระทบต่อโครงข่ายถนนในเมืองด้วย
 
 
[[ภาพ:สะพานพระราม8.jpg|left]]ระบบการจัดการการจราจรของโครงการจตุรทิศแนวตะวันออก-ตะวันตก จึงเป็นการเตรียมเส้นทางจราจรรองรับการขยายตัวของประชากร ประกอบด้วย ถนนยกระดับเชื่อมต่อโครงการคู่ขนานลอยฟ้าถนนบรมราชชนนีที่แยกอรุณอัมรินทร์ ผ่านบางยี่ขัน แล้วสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาตามแนวถนนวิสุทธิกษัตริย์ คือ สะพานพระราม ๘ เพื่อเชื่อมต่อโครงการพระราชดำริด้านฝั่งพระนคร ได้แก่ถนนเลียบบึงมักกะสัน ซึ่งลัดผ่านถนนอโศก-ดินแดงไปยังถนนพระราม ๙ กับถนนเทียนร่วมมิตร ผ่ายแยกประชาอุทิศไปด้านหลังมหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อเชื่อมกับถนนศรีนครินทร์เข้าสู่ถนนกรุงเทพกรีฑา
 
 
ดังนั้นเมื่อมีการสร้างทางยกระดับทางคู่ขนานลอยฟ้าถนนบรมราชชนนีและสะพานพระราม ๘ เส้นทางทั้งสองนี้จึงช่วยบรรเทาการจราจรติดขัดลงได้ ทำให้ชาวกรุงเทพมหานครสามารถสัญจรข้ามจากฝั่งพระนคร มายังฝั่งธนบุรีได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
 
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำรัส ถึงความเป็นมาเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๓๘ ณ พระตำหนักจิตรลดรโหฐาน ความว่า
 
<div style="color:darkgreen">
"...อย่างที่โครงการที่เชิงสะพานพระปิ่นเกล้านั้น เขาพูดมานานแล้วอยากจะแก้ไข แล้วก็ได้ไต่ถามว่าเขาจะแก้มั๊ย นี่ปีกว่าแล้ว ปีครึ่งเกือบสองปีเขาบอกมีโครงการแล้วถามว่าจะทำเมื่อไร เขาบอกว่าต้องคิดให้ดีๆ จะใช้เวลาสามปีกว่าจะเสร็จ แล้วจะใช้เงินใระยะนั้น ในครั้งนั้นประมาณสามร้อยล้านบาท เราก็บอกไม่ไหม ทนไม่ได้ คอยไม่ได้ ขอให้ทำตามที่ว่าที่คิด เพราะว่ามันมีที่ตรงนั้นก็มีคนมาผากรมประชาสัมพันธ์ให้แล้ว คือว่าฟรี เมื่อเขาเผาแล้ว เขาก็ทำประโยชน์ให้เรา ก็เลยตัดเข้าไป ลงท้ายทำสามเดือนเสร็จมูลค่าการทำถนนนั้นนะสามสิบล้านเร็วขึ้นมาก แล้วก็สะดวกมาก"</div>
 
 
[[ภาพ:ถนน.jpg|left]]นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีโครงการถนนวงแหวนอุตสาหกรรม เพื่อแก้ปัญหาจราจรในเขตอุตสาหกรรมของจังหวัดสมุทรปราการอีกแห่งหนึ่ง ประกอบด้วยโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ๒ สะพาน ที่ปลายถนนปู่เจ้าสมิงพราย อำเภอพระประแดง โดยเมื่อข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปแล้วจะบรรจบกับถนนพระราม ๓ ซึ่งจะช่วยระบายปริมาณรถที่มาจากถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ย่านสีลม และสาทรได้มากขึ้น
 
 
 
 
[[ภาพ:จราจร.jpg|left]]มิใช่เพียงการสร้างถนนระบายผิวการจราจรเท่านั้น หากแต่ยังทรงมองไปยังบุคลากรผู้มีหน้าที่จัดการด้านการจราจรด้วย โดยเฉพาะพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน ๔ ล้านบาท และในส่วนของสมเด็จพระศรีนคริทราบรมราชชนนีอีก ๔ ล้านบาท ให้แก่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อสิงหาคม ๒๕๓๖ เพื่อนำไปซื้อจักรยานยนต์สำหรับใช้ปฏิบัติหน้าที่และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร จำนวน ๑๐๐ คัน พร้อมทั้งได้พระราชทานเงินอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อใช้ในการอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร จำนวน ๑๕๐ นาย ที่จัดตั้งเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในจุดต่างๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์จราจรติดขัดขึ้น รวมทั้งใช้เป็นค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าน้ำมันรถจักรยานยนต์ที่ใช้ปฏิบัติงาน
 
 
 
 
จากพระราชดำริที่พระราชทานการแก้ปัญหาด้านการจราจรในกรุงเทพมหานครทำให้ชาวกรุงเทพมหานคร ได้มีถนนรัชดาภิเษกที่เป็นถนนวงแหวนเชื่อมการจราจรฝั่งกรุงเทพเข้ากับฝั่งธนบุรี ซึ่งแก้ปัญหาการจราจรติดขัดที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ส่วนหนึ่ง
 
 
----
<nowiki>**</nowiki>{{แม่แบบ:สำนักงาน กปร.2}}
 


[[Category: สังคม]]
ที่มา: ทางหลวงตามรอยพระยุคลบาท พุทธศักราช ๒๕๕๐ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม
[[Category: พระราชกรณียกิจ]]
[[หมวดหมู่:พระราชกรณียกิจ]][[หมวดหมู่:คมนาคม สาธารณูปโภค สื่อสาร]]
</div></div>

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 09:47, 5 ตุลาคม 2552

 
ในหลวงทรงประทับบนสะพานอย่างใกล้ชิดกับประชาชน
ในหลวงทรงประทับบนสะพานอย่างใกล้ชิดกับประชาชน

การสร้างเส้นทางคมนาคมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสนพระราชหฤทัยด้านการคมนาคมมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ความพอพระราชหฤทัยในเรื่องนี้เป็นที่รู้กันดีในหมู่พระประยูรญาติ ดังจะเห็นได้จากการที่ทรงได้รับพระราชทานของฝากเป็นรถเด็กเล่นจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดการเล่นรถไฟ และเมื่อทรงเจริญพระชนมายุขึ้นทรงสามารถประกอบเรือเดินสมุทร เรือรบ และเครื่องบินจำลองด้วยพระองค์เอง

เมื่อเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ พระราชกรณียกิจที่สำคัญประการหนึ่งเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรทั่วประเทศคือ การก่อสร้างเส้นทางคมนาคม เพื่อเปิดประตูสู่พื้นที่ชนบท และแก้ปัญหาจราจรในเขตเมืองมากมายหลายโครงการด้วยกัน เพื่อสร้าง “ความมั่นคงผาสุก และความร่มเย็นอย่างยั่งยืน” ตอบสนองทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ

ทรงเปิดเส้นทางการพัฒนาสู่ชนบทที่ห่างไกล

นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชภารกิจด้วยพระองค์เองโดยไม่ต้องผ่านคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นั้น ได้เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปทรงเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของพสกนิกรอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เริ่มจากการเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในพุทธศักราช ๒๔๙๔ ทำให้ทรงตระหนักถึงปัญหาของพสกนิกร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานความช่วยเหลือด้านต่างๆ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขของราษฎร พระราชภารกิจประการหนึ่งคือการ “ตัดเส้นทาง” เปิดประตูนำความเจริญสู่พื้นที่ชนบท

พุทธศักราช ๒๔๙๕ ถนนพระราชดำริสายแรก

หากมองย้อนกลับไปในช่วงต้นรัชกาล เราจะเห็นภาพเส้นทางเกวียนจำนวนเส้นทางระหว่างเมืองและชุมชนก็มีน้อยหรือถนนที่มีฝุ่นฟุ้งตลบ ทางที่คดเคี้ยวเป็นหลุมเป็นบ่อ ต้องใช้เวลานานในการเดินทาง ทำให้ประชาชนในชนบทติดต่อชุมชนเมืองอย่างยากลำบาก อีกทั้งบริการของรัฐก็เข้าไปไม่ถึง ได้พระราชทานพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า

"...ที่ข้างในหนองพลับแต่ก่อนนี้เข้าไม่ได้ แค่ครึ่งทางไปหนองพลับก็ไม่ได้ .. ปี ๒๔๙๕ หรือ ๙๖ เพิ่งได้รถบลูโดเซอร์ แล้วเอารถไปให้ค่ายนเรศวรให้สร้างถนนให้ไถถนนเข้าไปถึงห้วยมงคล ซึ่งเดี๋ยวนี้ห้วยมงคล ๒๐ นาทีก็ถึง ตอนนั้นเข้าไปตั้งแต่ ๘-๙ โมงเช้า เข้าไปถึงร่วมบ่ายโมง ไปรถจิ๊ปเข็นเข้าไป ลากเข้าไป..." ที่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กไฟก็เช่นเดียวกัน แม้จะขึ้นอยู่กับอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และอยู่ห่างไกลความเจริญไม่ถึง ๒๐ กิโลเมตร แต่ก็ยังไม่มีถนนจากหมู่บ้านสู่ตลาดหัวหิน ประชาชนได้รับความลำบากในการเดินทางติดต่อกับภายนอกอย่างมาก

รถพระที่นั่งติดหล่ม
รถพระที่นั่งติดหล่ม
เช้าวันหนึ่ง รถยนต์พระที่นั่งบุกเข้าไปถึง "บ้านห้วยมงคล" แล้วไปตกติดหล่ม ลุงรวย งามขำ เกษตรกรพร้อมเพื่อนบ้านได้เข้ามาช่วยเหลือโดยไม่ทราบว่าเจ้าของรถที่ขับมาติดหล่มอยู่นั้นเป็นใคร ภายหลังเมื่อเจ้าของรถลงมา จึงนึกได้ถึงคำบอกเล่าของผู้ใหญ่บ้านว่า "พระเจ้าอยู่หัว" กับ "สมเด็จพระราชินี" จะเสด็จพระราชดำเนินมาที่หัวหิน
ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ ได้รับสั่งถามถึงปัญหาของหมู่บ้าน และทรงทราบว่าสิ่งที่ชาวบ้านห้วยมงคลต้องการมากที่สุดคือ "ถนน" ดังนั้นต่อมาอีกไม่นาน โครงการพระราชดำริเพื่อก่อสร้าง "ถนนห้วยมงคล" จึงได้เกิดขึ้น นับเป็นถนนพระราชดำริสายแรกที่ทอดไปสู่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั่วประเทศ


ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่างๆ นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างพระตำหนักประจำภูมิภาคเพื่อเป็นฐานการทรงงาน ส่งผลให้มีการก่อสร้างเส้นทางสัญจรสายใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นตามรอยพระยุคลบาท และทรงใช้เส้นทางเหล่านั้นในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรและพระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเกือบ ๔,๐๐๐ โครงการ ที่กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่งล้วนเอื้อประโยชน์ต่อพสกนิกรทั้งในชนบทและชุมชนเมืองของไทยให้สามารถพึ่งตนเองได้อย่างพอเพียงและยั่งยืน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแนะนำหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องให้ก่อสร้างถนนอีกหลายเส้นทางซึ่งนอกเหนือไปจากเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการสัญจรของราษฎร ยังรวมถึงเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ เป็นสำคัญอีกด้วย โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคใต้ รวมทั้งยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปในพื้นที่อันตราย เช่น เส้นทางสายน่าน - ปัว - ทุ่งช้าง - ปอน - ห้วยโก๋น อันเป็นเส้นทางที่ผู้ก่อการร้ายคุกคาม เพื่อขัดขวางการก่อสร้างทางมากกว่า ๑,๗๐๐ ครั้ง ทำให้สูญเสียเครื่องจักรและชีวิตของนายช่าง คนงาน ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และพนักงาน ของบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นจำนวนมาก แม้จะเต็มไปด้วยภัยอันตรายนานา แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มิได้ทรงหวั่นยังเสด็จพระราชดำเนินไปเพื่อพระราชทานขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงและหน่วยราชการอื่นๆ ในการบุกเบิกสร้างทางเหล่านั้น

ช่วงพุทธศักราช ๒๕๒๑ - ๒๕๒๓ และ ๒๕๒๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริให้ดำเนินการปรับปรุงถนนในพื้นที่ทุรกันดาร เพื่ออำนวยประโยชน์ให้พสกนิกรที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านต่างๆ สามารถเดินทาง ติดต่อถึงกันด้วยความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยตลอดเส้นทาง โครงการปรับปรุงเส้นทางดังกล่าวมีจำนวนมากถึง ๔๕ สาย ส่วนใหญ่เป็นเส้นทางในภาคเหนือรองลงมาคือ ภาคใต้

การดำเนินงานตามโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำหรือฝายหรือโครงการฟาร์มตัวอย่างต่างๆ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ยังนำมาซึ่งการสร้างเส้นทางคมนาคมสายใหม่ๆ เพื่อให้สอดรับกับการพัฒนาพื้นที่แบบเบ็ดเสร็จ นั่นคือ นอกจากจะมีสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างเพียงพอ มีทรัพยากรสำหรับการประกอบอาชีพให้มั่นคงแล้ว ยังต้องมีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกเพื่อการติดต่อสัญจรของชาวบ้าน ซึ่งกรมทางหลวงชนบท หน่วยงานราชการที่รับผิดชอบโดยตรงได้สนองตามพระราชดำริ ดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงถนนให้ได้มาตรฐาน เอื้อประโยชน์ต่อเกษตรกรในโครงการพัฒนาพื้นที่เหล่านั้นได้เป็นอย่างดี

พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เปิดทางสร้างถนนในพื้นที่ชนบทได้สร้างคุณูปการต่างๆ มากมายทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นการเปิดเส้นทางเพื่อรับการพัฒนาในด้านต่างๆ ให้เข้าสู่ พื้นที่ ช่วยให้การเดินทางสัญจรระหว่างชุมชนคล่องตัวและช่วยลดต้นทุนในการขนส่งผลผลิตไปสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว ราษฎรมีงานทำ สามารถประกอบอาชีพภายในภูมิลำเนา ลดการเดินทางเข้าไปหางานทำในเมืองใหญ่ มีรายได้ในครัวเรือนเพิ่มขึ้นและสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ ทำให้สถาบันครอบครัวมีความมั่นคงเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

พุทธศักราช เส้นทาง หมายเหตุ
๒๔๙๕ * สายห้วยมงคล ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
๒๕๑๓ * สายอำเภอรามัน - บ้านตะโละหะลอ อำเภอรือเสาะ นราธิวาส เพื่อความมั่นคงทางการเมืองและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
๒๕๑๙ * สายปราจีนบุรี - เขาใหญ่ ทางหลวงหมายเลข ๓๐๗๗ ปราจีนบุรี เส้นทางสายยุทธศาสตร์ให้รถยนต์ทหารผ่าน เพื่อความมั่นคงของประเทศบริเวณชายแดนกัมพูชา
๒๕๒๑ * สายอำเภอระแงะ - บ้านดุซงญอ - นิคมพัฒนาภาคใต้ นราธิวาส เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
๒๕๒๑ * สายบ้านสามแยก - อำเภอสุไหงปาดี นราธิวาส เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
๒๕๒๑ * สายบ้านวาก - บ้านใหม่ - บ้านแม่ตะไคร้ ทางหลวงหมายเลข ๑๒๒๙ เชียงใหม่ - ลำพูน ปรับปรุงเส้นทางข้ามภูเขาระหว่างบ้านเปาสามขา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ไปอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและสังคม

หมายเหตุ: ภายหลังจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริให้สร้างเส้นทางคมนาคมอย่างต่อเนื่อง

ที่มา: ทางหลวงตามรอยพระยุคลบาท พุทธศักราช ๒๕๕๐ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม