ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สารฝนหลวง"

จาก WIKI84
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
__NOTOC__
<div id="rain">
<div id="rain">
<div id="angel2">
<div id="angel2">

รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:03, 14 กรกฎาคม 2551


สารฝนหลวง


สารฝนหลวงในการปฏิบัติการทำฝนในประเทศไทย

สารฝนหลวงที่ใช้ทำฝนหลวงในปัจจุบัน มีทั้งสิ้น 7 ชนิด บางชนิดมีคุณสมบัติดูดซับความชื้นได้ดี(hygroscopic substances) บางชนิดมีคุณมบัติเป็นแกนกลั่นตัว(CCN)ของความชื้นในบรรยากาศ บางชนิดสามารถคายความร้อนออกมาเพื่อกระตุ้น หรือ เสริมการก่อตัวและ เจริญเติบโตของเมฆ บางชนิดสามารถดูดดึงความร้อนทำให้อุณหภูมิของอากาศหรือเมฆเย็นตัวลง เร่งการกลั่นตัวของไอน้ำและเสริมความหนาแน่น ของเมฆจนเกิดเป็นฝน การเลือกใช้สารฝนหลวงแต่ละชนิด จึงพิจารณาคุณสมบัติที่กล่าวข้างต้นกับสภาวะของเมฆหรือบรรยากาศในแต่ละวันเป็นสำคัญ สารฝนหลวงที่ใช้แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ


สารฝนหลวงสูตรร้อน

สารฝนหลวงสูตรร้อนมีคุณสมบัติเมื่อดูดซับความชื้นในอากาศ หรือทำปฏิกิริยากับน้ำะทำใหอุณหภูมิสูงขึ้น ใช้ในสภาพผงละเอียด สารฝนหลวงสูตรร้อนที่ ใช้ในปัจจุบันมี 2 ชนิด คือ

  1. สูตร6 แคลเซียมคลอไรด์(Calcium Chloride)
  2. สูตร8 แคลเซียมอ๊อกไซด์(Calcium Oxide)


สารฝนหลวงสูตรเย็น

สารฝนหลวงสูตรเย็นมีคุณสมบัติเมื่อดูดซับความชื้นในอากาศ หรือทำปฏิกิริยากับน้ำ ทำให้อุณหภูมิลดลงหรือเย็นลง สารฝนหลวงสูตรเย็นที่ ใช้ในปัจจุบันมี 3 ชนิด คือ

  1. สูตร4 ยูเรีย (Urea)
  2. สูตร19 แอมโมเนียมไนเตรท (Ammonium Nitrate)
  3. สูตร 3 น้ำแข็งแห้ง (Dry Ice)


สารฝนหลวงสูตรสร้างแกนกลั่นตัวของอากาศ

สารฝนหลวงสูตรสร้างแกนกลั่นตัวของอากาศ มีคุณสมบัติเป็นแกนดูดซับความชื้นให้เข้ามาเกาะและกลั่นตัว กลายเป็นเม็ดน้ำจำนวนมาก สารฝนหลวงสูตรแกนกลั่นตัวที่ ใช้ในปัจจุบันมี 2 ชนิด คือ

  1. สูตร1 เกลือแป้ง (Sodium Chloride)
  1. สารฝนหลวง สูตรฝนหลวง ท1



ข้อมูลจาก สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร
ห้ามนำข้อมูลของเว็บไซต์นี้ ไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร