ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ภาพพระราชกรณียกิจชุดที่ 2"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 37: | บรรทัดที่ 37: | ||
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ฟื้นฟูพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒนสัตยา ซึ่งได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอู่ทองแห่งกรุงศรีอยุธยา | พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ฟื้นฟูพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒนสัตยา ซึ่งได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอู่ทองแห่งกรุงศรีอยุธยา | ||
และได้ว่างเว้นไปนับแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พุทธศักราช ๒๔๗๕ โดยโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผนวกเข้ากับพระราชพิธีพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี พระราชพิธีที่จัดขึ้นในคราวนั้น คือวันที่ ๒๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒ เป็นการเสกน้ำ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ส่วนวันที่ ๒๕ มีนาคม ปีเดียวกัน หลังจากพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีถวายคำสัตย์สาบาน ต่อหน้าพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดื่มน้ำพระพิพัฒนสัตยาแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ดื่มจนครบทุกคน | และได้ว่างเว้นไปนับแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พุทธศักราช ๒๔๗๕ โดยโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผนวกเข้ากับพระราชพิธีพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี พระราชพิธีที่จัดขึ้นในคราวนั้น คือวันที่ ๒๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒ เป็นการเสกน้ำ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ส่วนวันที่ ๒๕ มีนาคม ปีเดียวกัน หลังจากพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีถวายคำสัตย์สาบาน ต่อหน้าพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดื่มน้ำพระพิพัฒนสัตยาแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ดื่มจนครบทุกคน | ||
|- | |||
|[[ภาพ:071009-พระราชกรณียกิจ2-08.jpg|200px|center]]||'''พระราชพิธีตรึงหมุดธงไชยเฉลิมพล'''<br /> | |||
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบรรจุพระกรัณฑ์เส้นพระเจ้าในยอดคันธง และทรงหมุนเกลียวปิดซุ้มยอดธงไชยเฉลิมพลในพระราชพิธีตรึงหมุดธงไชยเฉลิมพล ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อเสร็จพิธี ราชองครักษ์เชิญธงไปยังพระที่นั่งชุมสาย หน้าศาลาสหทัยสมาคมเพื่อพระราชทานแก่หน่วยทหารรักษาพระองค์ | |||
|- | |||
|[[ภาพ:071009-พระราชกรณียกิจ2-09.jpg|200px|center]]||ในฐานะทรงเป็นจอมทัพไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงตรวจแถวทหารรักษาพระองค์ ในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ณ พระลานพระราชวังดุสิต ในวันที่ ๓ ธันวาคมของทุกปี ซึ่งต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดขึ้นในวันที่ ๒ ธันวาคมของทุกปี | |||
|- | |||
|[[ภาพ:071009-พระราชกรณียกิจ2-10-2.jpg|200px|center]]||พระราชกรณียกิจอันเกี่ยวเนื่องด้านตุลาการนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเหยียบกระทรวงยุติธรรม ศาลยุติธรรม ศาลแพ่ง และศาลอาญาเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๙๕ | |||
ในวันที่ ๒๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๙๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง ในโอกาสนี้ได้ประทับบัลลังก์ทรงพิจารณาคดีด้วย | |||
|- | |||
|[[ภาพ:071009-พระราชกรณียกิจ2-11.jpg|200px|center]]||ในระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่างๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเหยียบศาลในภูมิภาคนั้นๆ ด้วย เช่น เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเหยียบศาลจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ ๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๐๑ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเหยียบศาลจังหวัดสงขลาและศาลแขวงสงขลา เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๐๒ และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเหยียบศาลปัตตานี เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ปีเดียวกัน | |||
|- | |- | ||
|} | |} |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:23, 7 ตุลาคม 2552
ทรงเป็นหลักชัยไทยทั่วหล้า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นประมุขของชาติ
ทรงให้ความสำคัญต่อกิจการของบ้านเมืองในทุกๆ ด้าน
ทั้งด้านการศาสนา การเมืองการปกครอง การทหาร ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคงให้แก่ประเทศชาติ
พระราชพิธีด้านศาสนา เมื่อพุทธศักราช ๒๕๐๐ รัฐบาลได้จัดงานฉลองกึ่งพุทธศตวรรษขึ้น โดยมีการจัดขบวนเรือพระราชพิธีอัญเชิญพระพุทธรูป พระไตรปิฎก และพระสงฆ์ แห่ไปตามลำน้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๐๐ เป็นการเฉลิมฉลองและระลึกในพระไตรรัตนาธิคุณ มีเรือเข้าร่วมขบวนไม่ครบถ้วน เนื่องจากเรือพระราชพิธีได้ชำรุดเสียหายไปตามสภาพและถูกทำลายจากภาวะสงครามมหาเอเชียบูรพา ต่อมาในพุทธศักราช ๒๕๐๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคขึ้น สำหรับเสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม ตามราชประเพณีที่เคยมีมา เพื่อรักษามรดกทางวัฒนธรรมของชาติให้คงอยู่สืบไป | |
เมื่อแรกสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างเสาชิงช้าและเทวสถานโบสถ์พราหมณ์เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาพราหมณ์ตามโบราณราชประเพณี โดยให้มีพิธีโล้ชิงช้าในพระราชพิธีตรียัมพวาย-ตรีปวาย ในเดือนยี่ของทุกปี พิธีโล้ชิงช้าได้ยกเลิกไปเมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ฟื้นฟูพระราชพิธีตรียัมพวาย-ตรีปวาย โดยให้คงไว้เฉพาะส่วนพระราชพิธีในวันแรม ๑ - ๖ ค่ำ เดือนยี่ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระราชครูพราหมณ์เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานเจิมเทวรูปก่อนเชิญไปทำพิธีที่ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ เมื่อเสร็จพิธี พราหมณ์เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายอุลุบ และเครื่องพิธี เช่น ข้าวตอก ผลไม้ ขนมหวานต่างๆ | |
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน มีพระอารามหลวงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินเป็นประจำทุกปี ๑๖ แห่ง ทั้งที่อยู่ในกรุงเทพมหานครและส่วนภูมิภาค ได้แก่ วัดสุทัศนเทพวราราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ วัดอรุณราชวราราม วัดพระปฐมเจดีย์(จังหวัดนครปฐม) วัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม วัดราชโอรสาราม วัดนิเวศธรรมประวัติ (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา)วัดสุวรรณดาราราม (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (จังหวัดพิษณุโลก)วัดมกุฎกษัตริยาราม วัดราชาธิวาส และวัดเทพศิรินทราวาส
โดยจะเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐิน ๒ - ๓ แห่ง ประมาณ ๓ วัน ส่วนพระอารามหลวงที่เหลือ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พระบรมวงศ์ องคมนตรี หรือบุคคลอื่นเป็นผู้แทนพระองค์ไปถวาย | |
แม้ว่าประเทศไทย จะมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนับสนุนและทรงอุปถัมภ์การเผยแพร่คำสั่งสอนของศาสนาหลักอื่นๆ ที่ประชาชนในประเทศไทยมีความศรัทธานับถือด้วย เช่น
พระราชทานพระคัมภีร์อัลกุรอ่านฉบับคำแปลภาษาไทย แก่ผู้แทนคณะกรรมการอิสลามจังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๑๓ | |
ศาสนาคริสต์ ซึ่งได้เผยแผ่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา ก็มีความสัมพันธ์อันดีเช่นกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้สมเด็จพระสันตปาปา จอห์น ปอล ที่ ๒ แห่งนครรัฐวาติกัน พระประมุขแห่งคริสตศาสนานิกายโรมันคาทอลิก เข้าเฝ้าในโอกาสเสด็จเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๒๔ | |
พระราชพิธีพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีและพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒนสัตยา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีขึ้นเมื่อพุทธศักราช ๒๔๖๑ เพื่อพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบแก่ข้าราชการทหารที่เสียสละเพื่อชาติ การพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ครั้งที่ ๔ ในรัชกาลที่ ๙ เมื่อพุทธศักราช ๒๕๑๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ฟื้นฟูพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒนสัตยา ซึ่งได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอู่ทองแห่งกรุงศรีอยุธยา และได้ว่างเว้นไปนับแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พุทธศักราช ๒๔๗๕ โดยโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผนวกเข้ากับพระราชพิธีพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี พระราชพิธีที่จัดขึ้นในคราวนั้น คือวันที่ ๒๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒ เป็นการเสกน้ำ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ส่วนวันที่ ๒๕ มีนาคม ปีเดียวกัน หลังจากพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีถวายคำสัตย์สาบาน ต่อหน้าพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดื่มน้ำพระพิพัฒนสัตยาแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ดื่มจนครบทุกคน | |
พระราชพิธีตรึงหมุดธงไชยเฉลิมพล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบรรจุพระกรัณฑ์เส้นพระเจ้าในยอดคันธง และทรงหมุนเกลียวปิดซุ้มยอดธงไชยเฉลิมพลในพระราชพิธีตรึงหมุดธงไชยเฉลิมพล ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อเสร็จพิธี ราชองครักษ์เชิญธงไปยังพระที่นั่งชุมสาย หน้าศาลาสหทัยสมาคมเพื่อพระราชทานแก่หน่วยทหารรักษาพระองค์ | |
ในฐานะทรงเป็นจอมทัพไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงตรวจแถวทหารรักษาพระองค์ ในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ณ พระลานพระราชวังดุสิต ในวันที่ ๓ ธันวาคมของทุกปี ซึ่งต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดขึ้นในวันที่ ๒ ธันวาคมของทุกปี | |
พระราชกรณียกิจอันเกี่ยวเนื่องด้านตุลาการนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเหยียบกระทรวงยุติธรรม ศาลยุติธรรม ศาลแพ่ง และศาลอาญาเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๙๕
ในวันที่ ๒๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๙๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง ในโอกาสนี้ได้ประทับบัลลังก์ทรงพิจารณาคดีด้วย | |
ในระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่างๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเหยียบศาลในภูมิภาคนั้นๆ ด้วย เช่น เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเหยียบศาลจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ ๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๐๑ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเหยียบศาลจังหวัดสงขลาและศาลแขวงสงขลา เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๐๒ และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเหยียบศาลปัตตานี เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ปีเดียวกัน |
ดูเพิ่มเติม | บันทึกเหตุการณ์ตามปี_พ.ศ. |
---|