ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ทศวรรษที่2"

จาก WIKI84
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 14 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
<div style="display:inline-table; clear:both;float:left">
<div style="display:inline-table;width:850px; clear:both;float:left">
<div style="display:table; float:left">
<div style="display:table; float:left">
{{แม่แบบ:8ทศวรรษ}}</div>
{{แม่แบบ:8ทศวรรษ}}</div>
<div style="display:table;float:left; padding-left:5px">'''ทศวรรษที่ ๒ นพมหาจักรี ทรงพระปรีชาชาญพูนเพิ่ม (พ.ศ. ๒๔๘๐ - ๒๔๘๙)
<div style="display:table;width:700px; float:left; padding-left:25px"><h1>ทศวรรษที่ ๒ นพมหาจักรี ทรงพระปรีชาชาญพูนเพิ่ม (พ.ศ. ๒๔๘๐ - ๒๔๘๙)
'''
</h1>




บรรทัดที่ 16: บรรทัดที่ 16:
</div>
</div>


=== ===
<div id="century">
<div id="lcentury">
[[ภาพ:ทศ2-21.jpg|thumb|left|พุทธศักราช ๒๔๘๙ ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เพื่อเสด็จฯ กลับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทรงศึกษาต่อ]]
</div>
<div id="rcentury">แต่เนื่องจากยังมีพระราชกิจด้านการศึกษา จึงต้องเสด็จพระราชดำเนินกลับไปยัง<br />ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อทรงศึกษาต่อในเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๔๘๙ ในครั้งนี้ <br />ทรงเปลี่ยนแปลงแขนงวิชาที่กำลังทรงศึกษาเพื่อให้เหมาะสมและเป็นประโยชน์<br />แก่การปกครองประเทศในอนาคต
<div style="color:darkgreen">"...วันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๘๙ วันนี้ถึงวันที่เราจะต้องจากไปแล้ว ตามถนนผู้คน<br />ช่างมากมายเสียจริงๆ ที่ถนนราชดำเนินกลางราษฎรเข้ามาใกล้ชิดรถที่เรานั่ง กลัว<br />เหลือเกินว่าล้อรถของเราจะไปทับแข้งทับขาใครเขาบ้าง รถแล่นฝ่าฝูงชนไปได้<br />อย่างช้าที่สุด ถึงวัดเบญจมบพิตรรถแล่นได้เร็วขึ้นบ้าง ตามทางที่ผ่านมาได้ยินเสียงใคร<br />คนหนึ่งร้องขึ้นมาดัง ๆ ว่า '...อย่าละทิ้งประชาชน...' อยากจะร้องบอกเขาลงไปว่า</div>
<div style="color:darkgreen; font-size:120%">...ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะละทิ้งอย่างไรได้..."</div>
จากพระราชดำรัสดังกล่าวเป็นดั่งคำสัญญาที่จะเสด็จฯ กลับมา สะท้อนให้เห็นถึง<br />ความผูกพันที่ทรงมีต่ออาณาประชาราษฎร์ต่อเนื่องมาตั้งแต่แรกเริ่มรัชกาล ซึ่ง<br />อธิบายได้จากพระราชหัตถเลขาที่ทรงมีถึงพระสหายเก่า<br />หลังครองสิริราชสมบัติแล้ว ความว่า
<div style="color:darkgreen">"...ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ที่จะรักประชาชนของข้าพเจ้า เมื่อได้ติดต่อกับเขาเหล่านั้น<br /> ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าสำนึกในความรักอันมีค่ายิ่ง แต่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้โดยการ<br />ทำงานที่นี่ว่า ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้คือ '''การได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า <br />นั่นคือคนไทยทั้งปวง..."'''</div>
</div>
</div>


=== ===
<gallery>
<gallery>
Image:ทศวรรษที่2.jpg|
Image:ทศวรรษที่2.jpg|
Image:ทศ2-02.jpg|
Image:ทศ2-02.jpg|พุทธศักราช ๒๔๗๗
Image:ทศ2-03.jpg|
Image:ทศ2-03.jpg|พุทธศักราช ๒๔๘๕
Image:ทศ2-04.jpg|
Image:ทศ2-04.jpg|พุทธศักราช ๒๔๘๘ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
Image:ทศ2-05.jpg|
Image:ทศ2-05.jpg|พุทธศักราช ๒๔๘๐ "รถลากไม้" ทรงประดิษฐ์ด้วยพระองค์เอง ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
Image:ทศ2-06.jpg|
Image:ทศ2-06.jpg|พุทธศักราช ๒๔๘๑ พระอนุชากำลังเรียนกับ ครูแอร์ช (Hersch) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
Image:ทศ2-07.jpg|
Image:ทศ2-07.jpg|พุทธศักราช ๒๔๘๑ ลายพระหัตถ์เมื่อ ๑๑ พรรษา (จากสมุดเยี่ยม กรมศิลปากร)
Image:ทศ2-08.jpg|
Image:ทศ2-08.jpg|พุทธศักราช ๒๔๘๑ เสด็จฯ กลับโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเรือหลวงแม่กลอง ที่ท่าราชวรดิษฐ์ กรุงเทพฯ
Image:ทศ2-09.jpg|
Image:ทศ2-09.jpg|พุทธศักราช ๒๔๘๒ ประทับอยู่ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒
Image:ทศ2-10.jpg|
Image:ทศ2-10.jpg|พุทธศักราช ๒๔๘๔ ยามภาวะสงครามน้ำมันขาดแคลน ทรงจักรยานไปโรงเรียน
Image:ทศ2-11.jpg|
Image:ทศ2-11.jpg|พุทธศักราช ๒๔๘๓ หน้าร้อนที่โลซานน์ ตีกรรเชียงในทะเลสาบที่ภูเขา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
Image:ทศ2-12.jpg|
Image:ทศ2-12.jpg|พุทธศักราช ๒๔๘๕ สามพระองค์ กับลูกแมว สัตว์เลี้ยงที่ทรงโปรด
Image:ทศ2-13.jpg|
Image:ทศ2-13.jpg|พุทธศักราช ๒๔๘๖ ยามว่างทรงศึกษาศิลปะ งานช่าง จากครูชาวฝรั่งเศส
Image:ทศ2-14.jpg|
Image:ทศ2-14.jpg|พุทธศักราช ๒๔๘๗ สองพระองค์ก่อนเสด็จนิวัตรพระนครครั้งที่ ๒ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
Image:ทศ2-15.jpg|
Image:ทศ2-15.jpg|พุทธศักราช ๒๔๘๘ เสด็จนิวัตประเทศไทยครั้งที่ ๒ ดอนเมือง กรุงเทพฯ
Image:ทศ2-16.jpg|
Image:ทศ2-16.jpg|พุทธศักราช ๒๔๘๙ ๓ มิถุนายน เสด็จฯ ไปสำเพ็ง เยี่ยมราษฎร
Image:ทศ2-17.jpg|
Image:ทศ2-17.jpg|พุทธศักราช ๒๔๘๙ พระราชนิพนธ์เพลงแรก คือ เพลงแสงเทียน
Image:ทศ2-18.jpg|
Image:ทศ2-18.jpg|"ช่างภาพที่ติดตามทุกหนทุกแห่ง และที่ฝึกอาชีพการเป็นกษัตริย์ ไปโดยไม่รู้ตัว"
Image:ทศ2-19.jpg|
Image:ทศ2-19.jpg|ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ เดือนพฤษภาคม พ.. ๒๔๘๙ เมื่อครั้งยังทรงดำรงพระยศ เป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช โดยเสด็จพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ไปเยี่ยมราษฎร
Image:ทศ2-20.jpg|
Image:ทศ2-20.jpg|จนกระทั่งวันที่ ๙ มิถุนายน พ.. ๒๔๘๙ พระบาทสมเด็จ พระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล เสด็จสวรรคตอย่างกะทันหัน คณะรัฐบาลกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งขณะนั้นมีพระชนมพรรษา เพียง ๑๙ พรรษา เสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติ ทรงเป็น พระมหากษัตริย์ลำดับที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
Image:ทศ2-21.jpg|
Image:ทศ2-22.jpg|
Image:ทศ2-23.jpg|
Image:ทศ2-24.jpg|
</gallery>
</gallery>


</div>
</div>


<div style="clear:both;padding-top:30px">
<div style="clear:both;padding-top:30px">
บรรทัดที่ 50: บรรทัดที่ 64:
{{แม่แบบ:สำนักงาน กปร.4}}
{{แม่แบบ:สำนักงาน กปร.4}}
</div>
</div>
[[หมวดหมู่:๘ ทศวรรษแห่งการพัฒนา]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 05:39, 7 พฤศจิกายน 2561


ทศวรรษที่๑
(พ.ศ.๒๔๗๐ - ๒๔๗๙)

ทศวรรษที่ ๒
(พ.ศ.๒๔๘๐ - ๒๔๘๙)

ทศวรรษที่ ๓
(พ.ศ.๒๔๙๐ - ๒๔๙๙)

ทศวรรษที่ ๔
(พ.ศ.๒๕๐๐ - ๒๕๐๙)

ทศวรรษที่ ๕
(พ.ศ.๒๕๑๐ - ๒๕๑๙)

ทศวรรษที่ ๖
(พ.ศ.๒๕๒๐ - ๒๕๒๙)

ทศวรรษที่ ๗
(พ.ศ.๒๕๓๐ - ๒๕๓๙)

ทศวรรษที่ ๘
(พ.ศ.๒๕๔๐ - ๒๕๕๐)

ทศวรรษที่ ๒ นพมหาจักรี ทรงพระปรีชาชาญพูนเพิ่ม (พ.ศ. ๒๔๘๐ - ๒๔๘๙)


...ประเทศชาติของเราจะเจริญหรือเสื่อมลงนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับการศึกษาของประชาชนแต่ละคนเป็นสำคัญ...

ผลการศึกษาอบรมในวันนี้จะเป็นเครื่องกำหนดอนาคตของชาติในวันข้างหน้า...

พระราชดำรัส วันที่ ๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๐๘

พุทธศักราช ๒๔๘๙ ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เพื่อเสด็จฯ กลับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทรงศึกษาต่อ
แต่เนื่องจากยังมีพระราชกิจด้านการศึกษา จึงต้องเสด็จพระราชดำเนินกลับไปยัง
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อทรงศึกษาต่อในเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๔๘๙ ในครั้งนี้
ทรงเปลี่ยนแปลงแขนงวิชาที่กำลังทรงศึกษาเพื่อให้เหมาะสมและเป็นประโยชน์
แก่การปกครองประเทศในอนาคต
"...วันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๘๙ วันนี้ถึงวันที่เราจะต้องจากไปแล้ว ตามถนนผู้คน
ช่างมากมายเสียจริงๆ ที่ถนนราชดำเนินกลางราษฎรเข้ามาใกล้ชิดรถที่เรานั่ง กลัว
เหลือเกินว่าล้อรถของเราจะไปทับแข้งทับขาใครเขาบ้าง รถแล่นฝ่าฝูงชนไปได้
อย่างช้าที่สุด ถึงวัดเบญจมบพิตรรถแล่นได้เร็วขึ้นบ้าง ตามทางที่ผ่านมาได้ยินเสียงใคร
คนหนึ่งร้องขึ้นมาดัง ๆ ว่า '...อย่าละทิ้งประชาชน...' อยากจะร้องบอกเขาลงไปว่า
...ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะละทิ้งอย่างไรได้..."

จากพระราชดำรัสดังกล่าวเป็นดั่งคำสัญญาที่จะเสด็จฯ กลับมา สะท้อนให้เห็นถึง
ความผูกพันที่ทรงมีต่ออาณาประชาราษฎร์ต่อเนื่องมาตั้งแต่แรกเริ่มรัชกาล ซึ่ง
อธิบายได้จากพระราชหัตถเลขาที่ทรงมีถึงพระสหายเก่า
หลังครองสิริราชสมบัติแล้ว ความว่า

"...ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ที่จะรักประชาชนของข้าพเจ้า เมื่อได้ติดต่อกับเขาเหล่านั้น
ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าสำนึกในความรักอันมีค่ายิ่ง แต่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้โดยการ
ทำงานที่นี่ว่า ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้คือ การได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า
นั่นคือคนไทยทั้งปวง..."



ข้อมูลจาก หนังสือ ประมวลภาพการทรงงาน "๘๐ พรรษา ปวงประชาเป็นสุขศานต์"

จัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ