ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ส-เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
<div id="bg_g1t"> </div> | |||
<div id="bg_g1"> | |||
<center><h1>พระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร</h1></center> | |||
<div class="kindent">ตลอดช่วงระยะเวลาแห่งการครองราชย์ ๖๐ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการด้วยพระวิริยอุตสาหะ พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปในทุกพื้นที่ที่ทุรกันดาร ทุกพื้นที่ที่ห่างไกล แม้ที่นั้นจะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งแม้แต่ประชาชนคนธรรมดายังไม่เคยได้ยินชื่อและไม่คิดที่จะเดินทางไป หากแต่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินไทยนี้ กลับเสด็จพระราชดำเนินไปหาราษฎรในหมู่บ้านที่เล็กที่สุด เนื่องเพราะประชาชนที่นั่นได้รับความเดือดร้อน ความช่วยเหลือที่พระองค์ได้พระราชทานล้วนแล้วแต่ตรงตามความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ เพราะพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปประสบด้วยพระองค์เอง ทรงสังเกตการณ์และทรงรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิอันเป็นมูลเหตุแห่งทุกข์ของเหล่าพสกนิกรทั้งหลาย จนมีคำกล่าวที่ว่า '''“ไม่มีที่แห่งใดในประเทศไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยย่างพระบาทไปถึง”''' ทั้งนี้เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของประชาชนชาวไทยทุกคน | <div class="kindent">ตลอดช่วงระยะเวลาแห่งการครองราชย์ ๖๐ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการด้วยพระวิริยอุตสาหะ พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปในทุกพื้นที่ที่ทุรกันดาร ทุกพื้นที่ที่ห่างไกล แม้ที่นั้นจะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งแม้แต่ประชาชนคนธรรมดายังไม่เคยได้ยินชื่อและไม่คิดที่จะเดินทางไป หากแต่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินไทยนี้ กลับเสด็จพระราชดำเนินไปหาราษฎรในหมู่บ้านที่เล็กที่สุด เนื่องเพราะประชาชนที่นั่นได้รับความเดือดร้อน ความช่วยเหลือที่พระองค์ได้พระราชทานล้วนแล้วแต่ตรงตามความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ เพราะพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปประสบด้วยพระองค์เอง ทรงสังเกตการณ์และทรงรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิอันเป็นมูลเหตุแห่งทุกข์ของเหล่าพสกนิกรทั้งหลาย จนมีคำกล่าวที่ว่า '''“ไม่มีที่แห่งใดในประเทศไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยย่างพระบาทไปถึง”''' ทั้งนี้เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของประชาชนชาวไทยทุกคน | ||
</div> | </div> | ||
บรรทัดที่ 8: | บรรทัดที่ 11: | ||
การประกอบพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยทรงไว้เมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอและโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช ไปทรงเยี่ยมราษฎรทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ทำให้ทรงมีประสบการณ์และทรงเล็งเห็นปัญหาของสภาพบ้านเมืองและของพสกนิกรอย่างถ่องแท้ | การประกอบพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยทรงไว้เมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอและโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช ไปทรงเยี่ยมราษฎรทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ทำให้ทรงมีประสบการณ์และทรงเล็งเห็นปัญหาของสภาพบ้านเมืองและของพสกนิกรอย่างถ่องแท้ | ||
เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๕ การเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้นำมาซึ่งเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก และต่อเนื่องยาวนานมาตลอดระยะเวลา ๖๐ ปีแห่งการครองราชย์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงกับที่ตั้งของวังไกลกังวล รถยนต์พระที่นั่งเกิดตกหล่มที่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีชาวบ้านมาช่วยยกรถที่ตกหล่มจำนวนมาก หลังจากนั้น พระองค์มีพระราชปฏิสันถารกับชาวบ้านและทรงพบว่าความทุกข์ยากของราษฎรในพื้นที่นี้ คือ ความทุรกันดารของเส้นทาง จนทำให้ไม่สามารถนำผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาดได้ทันเวลา ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผลผลิตทางการเกษตร หรือแม้แต่นำคนไข้ไปพบแพทย์ได้อย่างทันการ ทั้งที่หมู่บ้านห่างจากอำเภอหัวหินเพียง ๒๐ กิโลเมตรเท่านั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงได้พระราชทานพระมหากรุณาให้ดำเนินการสร้าง[[ถนนห้วยมงคล]]ให้แก่ราษฎร ซึ่งนับเป็นถนนแห่งพระเมตตาสายแรกที่ช่วยแก้ปัญหาความทุกข์ยากให้แก่ราษฎรตั้งแต่นั้นมา และนำมาซึ่งโครงการก่อสร้างถนนอันเนื่องมาจากพระราชดำริอีกมากมายหลายสายที่พระราชทานแก่พสกนิกรทั่วประเทศ | เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๕ การเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้นำมาซึ่งเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก และต่อเนื่องยาวนานมาตลอดระยะเวลา ๖๐ ปีแห่งการครองราชย์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงกับที่ตั้งของวังไกลกังวล รถยนต์พระที่นั่งเกิดตกหล่มที่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีชาวบ้านมาช่วยยกรถที่ตกหล่มจำนวนมาก หลังจากนั้น พระองค์มีพระราชปฏิสันถารกับชาวบ้านและทรงพบว่าความทุกข์ยากของราษฎรในพื้นที่นี้ คือ ความทุรกันดารของเส้นทาง จนทำให้ไม่สามารถนำผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาดได้ทันเวลา ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผลผลิตทางการเกษตร หรือแม้แต่นำคนไข้ไปพบแพทย์ได้อย่างทันการ ทั้งที่หมู่บ้านห่างจากอำเภอหัวหินเพียง ๒๐ กิโลเมตรเท่านั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงได้พระราชทานพระมหากรุณาให้ดำเนินการสร้าง[[การคมนาคม|ถนนห้วยมงคล]]ให้แก่ราษฎร ซึ่งนับเป็นถนนแห่งพระเมตตาสายแรกที่ช่วยแก้ปัญหาความทุกข์ยากให้แก่ราษฎรตั้งแต่นั้นมา และนำมาซึ่งโครงการก่อสร้างถนนอันเนื่องมาจากพระราชดำริอีกมากมายหลายสายที่พระราชทานแก่พสกนิกรทั่วประเทศ | ||
</div> | </div> | ||
บรรทัดที่ 19: | บรรทัดที่ 22: | ||
ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินไปจังหวัดต่างๆ มีราษฎรมาคอยเฝ้ารับเสด็จเรียงรายสองข้างทางอย่างเนืองแน่น บางกลุ่มเดินทางรอนแรมมาจากพื้นที่ห่างไกลด้วยความยากลำบากเพราะการคมนาคมยังไม่สะดวก แม้จะอยู่ท่ามกลางแสงแดดจัดเพียงใดก็ตาม แต่ก็อดทนรอเพื่อจะได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วยความจงรักภักดีอย่างเปี่ยมล้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รถยนต์พระที่นั่งหยุดรับของที่ราษฎรทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเป็นระยะๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลผลิตทางการเกษตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเงินก้นถุงแก่ราษฎรเหล่านั้นและมีพระราชปฏิสันถารไต่ถามทุกข์สุขของราษฎร การเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมพสกนิกรอย่างใกล้ชิด ทำให้ทรงมีโอกาสศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสภาพภูมิประเทศ บ้านเมือง ความเป็นอยู่ และการดำรงชีพของประชาชน ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีได้อย่างลึกซึ้ง หลังเสด็จพระราชดำเนินกลับจากการเยือนต่างประเทศ ทรงนำความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ จากประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย ทรงเริ่มต้นจากการศึกษาค้นคว้า และวิจัยเป็นการส่วนพระองค์ คือ [[โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา]] และขยายออกไปยังพื้นที่ที่เสด็จพระราชดำเนินไปบ่อยครั้ง เช่น อำเภอหัวหิน จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดใกล้เคียง เช่น เพชรบุรีและราชบุรี เป็นต้น โดยมีพระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวลเป็นศูนย์กลาง | ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินไปจังหวัดต่างๆ มีราษฎรมาคอยเฝ้ารับเสด็จเรียงรายสองข้างทางอย่างเนืองแน่น บางกลุ่มเดินทางรอนแรมมาจากพื้นที่ห่างไกลด้วยความยากลำบากเพราะการคมนาคมยังไม่สะดวก แม้จะอยู่ท่ามกลางแสงแดดจัดเพียงใดก็ตาม แต่ก็อดทนรอเพื่อจะได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วยความจงรักภักดีอย่างเปี่ยมล้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รถยนต์พระที่นั่งหยุดรับของที่ราษฎรทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเป็นระยะๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลผลิตทางการเกษตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเงินก้นถุงแก่ราษฎรเหล่านั้นและมีพระราชปฏิสันถารไต่ถามทุกข์สุขของราษฎร การเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมพสกนิกรอย่างใกล้ชิด ทำให้ทรงมีโอกาสศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสภาพภูมิประเทศ บ้านเมือง ความเป็นอยู่ และการดำรงชีพของประชาชน ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีได้อย่างลึกซึ้ง หลังเสด็จพระราชดำเนินกลับจากการเยือนต่างประเทศ ทรงนำความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ จากประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย ทรงเริ่มต้นจากการศึกษาค้นคว้า และวิจัยเป็นการส่วนพระองค์ คือ [[โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา]] และขยายออกไปยังพื้นที่ที่เสด็จพระราชดำเนินไปบ่อยครั้ง เช่น อำเภอหัวหิน จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดใกล้เคียง เช่น เพชรบุรีและราชบุรี เป็นต้น โดยมีพระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวลเป็นศูนย์กลาง | ||
</div> | </div> | ||
'''๓. พระตำหนักประจำภูมิภาคต่างๆ ที่เป็นฐานการทรงงานและเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรอย่างทั่วถึง''' | |||
<div class="kindent">ที่ประทับระยะแรกๆ ที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร เป็นสถานที่ที่หน่วยราชการในพื้นที่จัดถวาย ซึ่งอยู่ในเขตโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือที่ทำการของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่างๆ เมื่อมีการสร้างพระตำหนักประจำภูมิภาคต่างๆ แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักเหล่านั้นในแต่ละภาคตามลำดับตั้งแต่ต้นปี ดังนี้ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จังหวัดนราธิวาส และพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร อนึ่ง บางปีจะเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระราชวังบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อจะได้ทรงมีโอกาสเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของราษฎรได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น | |||
</div> | |||
ตาราง ก พระตำหนักที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างขึ้น เพื่อเป็นที่ประทับในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรมเพื่อทรงงานและเยี่ยมเยียนราษฎร | |||
[[หมวดหมู่:พระราชกรณียกิจ]] | [[หมวดหมู่:พระราชกรณียกิจ]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:16, 29 กันยายน 2552
พระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร
๑. เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรสมดังพระราชปณิธาน
การประกอบพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยทรงไว้เมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอและโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช ไปทรงเยี่ยมราษฎรทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ทำให้ทรงมีประสบการณ์และทรงเล็งเห็นปัญหาของสภาพบ้านเมืองและของพสกนิกรอย่างถ่องแท้
เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๕ การเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้นำมาซึ่งเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก และต่อเนื่องยาวนานมาตลอดระยะเวลา ๖๐ ปีแห่งการครองราชย์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงกับที่ตั้งของวังไกลกังวล รถยนต์พระที่นั่งเกิดตกหล่มที่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีชาวบ้านมาช่วยยกรถที่ตกหล่มจำนวนมาก หลังจากนั้น พระองค์มีพระราชปฏิสันถารกับชาวบ้านและทรงพบว่าความทุกข์ยากของราษฎรในพื้นที่นี้ คือ ความทุรกันดารของเส้นทาง จนทำให้ไม่สามารถนำผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาดได้ทันเวลา ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผลผลิตทางการเกษตร หรือแม้แต่นำคนไข้ไปพบแพทย์ได้อย่างทันการ ทั้งที่หมู่บ้านห่างจากอำเภอหัวหินเพียง ๒๐ กิโลเมตรเท่านั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงได้พระราชทานพระมหากรุณาให้ดำเนินการสร้างถนนห้วยมงคลให้แก่ราษฎร ซึ่งนับเป็นถนนแห่งพระเมตตาสายแรกที่ช่วยแก้ปัญหาความทุกข์ยากให้แก่ราษฎรตั้งแต่นั้นมา และนำมาซึ่งโครงการก่อสร้างถนนอันเนื่องมาจากพระราชดำริอีกมากมายหลายสายที่พระราชทานแก่พสกนิกรทั่วประเทศ
๒. เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรปัญหาของพสกนิกรทั่วประเทศ
ในเดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๔๙๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในจังหวัดต่างๆ ของพื้นที่ภาคกลาง และในเดือนพฤศจิกายนได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งขณะนั้นเป็นพื้นที่แห้งแล้งที่สุดของประเทศ อากาศร้อนจัดและหนาวจัด ถนนหนทางขรุขระทุรกันดาร ราษฎรส่วนใหญ่ยากจนมาก หากความลำบากนั้นก็มิได้ทำให้พระองค์ทรงย่อท้อ แต่ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรเป็นล้นพ้น ดังที่ปรากฏในภาพพระราชกรณียกิจที่ตราตรึงและซาบซึ้งอยู่ในดวงใจของราษฎรทั่วประเทศทุกยุคสมัยนั่นก็คือ ภาพที่ทรงน้อมพระองค์พร้อมแย้มพระโอษฐ์รับดอกบัวที่เหี่ยวโรยจากแม่เฒ่าชาวนครพนม วัย ๑๐๒ ปี จากนั้น ในเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๐๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ภาคเหนือ และในเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๐๒ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรภาคใต้ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนต่างประเทศ
ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินไปจังหวัดต่างๆ มีราษฎรมาคอยเฝ้ารับเสด็จเรียงรายสองข้างทางอย่างเนืองแน่น บางกลุ่มเดินทางรอนแรมมาจากพื้นที่ห่างไกลด้วยความยากลำบากเพราะการคมนาคมยังไม่สะดวก แม้จะอยู่ท่ามกลางแสงแดดจัดเพียงใดก็ตาม แต่ก็อดทนรอเพื่อจะได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วยความจงรักภักดีอย่างเปี่ยมล้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รถยนต์พระที่นั่งหยุดรับของที่ราษฎรทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเป็นระยะๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลผลิตทางการเกษตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเงินก้นถุงแก่ราษฎรเหล่านั้นและมีพระราชปฏิสันถารไต่ถามทุกข์สุขของราษฎร การเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมพสกนิกรอย่างใกล้ชิด ทำให้ทรงมีโอกาสศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสภาพภูมิประเทศ บ้านเมือง ความเป็นอยู่ และการดำรงชีพของประชาชน ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีได้อย่างลึกซึ้ง หลังเสด็จพระราชดำเนินกลับจากการเยือนต่างประเทศ ทรงนำความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ จากประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย ทรงเริ่มต้นจากการศึกษาค้นคว้า และวิจัยเป็นการส่วนพระองค์ คือ โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา และขยายออกไปยังพื้นที่ที่เสด็จพระราชดำเนินไปบ่อยครั้ง เช่น อำเภอหัวหิน จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดใกล้เคียง เช่น เพชรบุรีและราชบุรี เป็นต้น โดยมีพระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวลเป็นศูนย์กลาง
๓. พระตำหนักประจำภูมิภาคต่างๆ ที่เป็นฐานการทรงงานและเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรอย่างทั่วถึง
ตาราง ก พระตำหนักที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างขึ้น เพื่อเป็นที่ประทับในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรมเพื่อทรงงานและเยี่ยมเยียนราษฎร