ส-เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร

จาก WIKI84
 

พระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร

ตลอดช่วงระยะเวลาแห่งการครองราชย์ ๖๐ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการด้วยพระวิริยอุตสาหะ พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปในทุกพื้นที่ที่ทุรกันดาร ทุกพื้นที่ที่ห่างไกล แม้ที่นั้นจะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งแม้แต่ประชาชนคนธรรมดายังไม่เคยได้ยินชื่อและไม่คิดที่จะเดินทางไป หากแต่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินไทยนี้ กลับเสด็จพระราชดำเนินไปหาราษฎรในหมู่บ้านที่เล็กที่สุด เนื่องเพราะประชาชนที่นั่นได้รับความเดือดร้อน ความช่วยเหลือที่พระองค์ได้พระราชทานล้วนแล้วแต่ตรงตามความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ เพราะพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปประสบด้วยพระองค์เอง ทรงสังเกตการณ์และทรงรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิอันเป็นมูลเหตุแห่งทุกข์ของเหล่าพสกนิกรทั้งหลาย จนมีคำกล่าวที่ว่า “ไม่มีที่แห่งใดในประเทศไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยย่างพระบาทไปถึง” ทั้งนี้เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของประชาชนชาวไทยทุกคน


๑. เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรสมดังพระราชปณิธาน

การเสด็จขึ้นครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพุทธศักราช ๒๔๘๙ เป็นช่วงเวลาหลังจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่พสกนิกรชาวไทยได้รับความบอบช้ำทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสภาพจิตใจ พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงประชากอปรกับพระราชจริยวัตรที่งดงาม พระองค์จึงทรงเป็นดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจ เป็นหลักยึดมั่น และเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งชาติ และเมื่อเสด็จนิวัตเพื่อประทับในประเทศไทยเป็นการถาวรในพุทธศักราช ๒๔๙๔ เป็นต้นมา ทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะดำเนินพระราชภารกิจดังพระราชปณิธานที่ว่า ”เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”

การประกอบพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยทรงไว้เมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอและโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช ไปทรงเยี่ยมราษฎรทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ทำให้ทรงมีประสบการณ์และทรงเล็งเห็นปัญหาของสภาพบ้านเมืองและของพสกนิกรอย่างถ่องแท้

เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๕ การเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้นำมาซึ่งเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก และต่อเนื่องยาวนานมาตลอดระยะเวลา ๖๐ ปีแห่งการครองราชย์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงกับที่ตั้งของวังไกลกังวล รถยนต์พระที่นั่งเกิดตกหล่มที่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีชาวบ้านมาช่วยยกรถที่ตกหล่มจำนวนมาก หลังจากนั้น พระองค์มีพระราชปฏิสันถารกับชาวบ้านและทรงพบว่าความทุกข์ยากของราษฎรในพื้นที่นี้ คือ ความทุรกันดารของเส้นทาง จนทำให้ไม่สามารถนำผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาดได้ทันเวลา ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผลผลิตทางการเกษตร หรือแม้แต่นำคนไข้ไปพบแพทย์ได้อย่างทันการ ทั้งที่หมู่บ้านห่างจากอำเภอหัวหินเพียง ๒๐ กิโลเมตรเท่านั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงได้พระราชทานพระมหากรุณาให้ดำเนินการสร้างถนนห้วยมงคลให้แก่ราษฎร ซึ่งนับเป็นถนนแห่งพระเมตตาสายแรกที่ช่วยแก้ปัญหาความทุกข์ยากให้แก่ราษฎรตั้งแต่นั้นมา และนำมาซึ่งโครงการก่อสร้างถนนอันเนื่องมาจากพระราชดำริอีกมากมายหลายสายที่พระราชทานแก่พสกนิกรทั่วประเทศ


๒. เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรปัญหาของพสกนิกรทั่วประเทศ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรความเป็นอยู่ของราษฎรทั่วประเทศก่อน แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนต่างประเทศตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลประเทศต่างๆ ทรงอุทิศเวลาส่วนใหญ่ กล่าวคือ ปีละประมาณ ๗ เดือน เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรมในหลายภูมิภาค ด้วยพระราชพาหนะต่างๆ เช่น เครื่องบิน รถไฟ รถยนต์ เฮลิคอปเตอร์ เรือยนต์ เรือพาย หรือแม้แต่การทรงลาในบางพื้นที่ และบางครั้งทรงขับรถจิ๊ปพระที่นั่งด้วยพระองค์เอง โดยก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรจะทรงศึกษาสถานการณ์ล่วงหน้าทุกครั้ง ทรงพิจารณาสภาพเส้นทางคมนาคม แหล่งน้ำ พื้นที่เพาะปลูก ป่าไม้ และภูมิประเทศต่างๆ ตลอดจนความยุ่งยากอันเป็นปัญหาที่ราษฎรในพื้นที่ประสบอยู่ทุกครั้ง
ในเดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๔๙๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในจังหวัดต่างๆ ของพื้นที่ภาคกลาง และในเดือนพฤศจิกายนได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งขณะนั้นเป็นพื้นที่แห้งแล้งที่สุดของประเทศ อากาศร้อนจัดและหนาวจัด ถนนหนทางขรุขระทุรกันดาร ราษฎรส่วนใหญ่ยากจนมาก หากความลำบากนั้นก็มิได้ทำให้พระองค์ทรงย่อท้อ แต่ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรเป็นล้นพ้น ดังที่ปรากฏในภาพพระราชกรณียกิจที่ตราตรึงและซาบซึ้งอยู่ในดวงใจของราษฎรทั่วประเทศทุกยุคสมัยนั่นก็คือ ภาพที่ทรงน้อมพระองค์พร้อมแย้มพระโอษฐ์รับดอกบัวที่เหี่ยวโรยจากแม่เฒ่าชาวนครพนม วัย ๑๐๒ ปี จากนั้น ในเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๐๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ภาคเหนือ และในเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๐๒ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรภาคใต้ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนต่างประเทศ

ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินไปจังหวัดต่างๆ มีราษฎรมาคอยเฝ้ารับเสด็จเรียงรายสองข้างทางอย่างเนืองแน่น บางกลุ่มเดินทางรอนแรมมาจากพื้นที่ห่างไกลด้วยความยากลำบากเพราะการคมนาคมยังไม่สะดวก แม้จะอยู่ท่ามกลางแสงแดดจัดเพียงใดก็ตาม แต่ก็อดทนรอเพื่อจะได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วยความจงรักภักดีอย่างเปี่ยมล้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รถยนต์พระที่นั่งหยุดรับของที่ราษฎรทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเป็นระยะๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลผลิตทางการเกษตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเงินก้นถุงแก่ราษฎรเหล่านั้นและมีพระราชปฏิสันถารไต่ถามทุกข์สุขของราษฎร การเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมพสกนิกรอย่างใกล้ชิด ทำให้ทรงมีโอกาสศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสภาพภูมิประเทศ บ้านเมือง ความเป็นอยู่ และการดำรงชีพของประชาชน ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีได้อย่างลึกซึ้ง หลังเสด็จพระราชดำเนินกลับจากการเยือนต่างประเทศ ทรงนำความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ จากประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย ทรงเริ่มต้นจากการศึกษาค้นคว้า และวิจัยเป็นการส่วนพระองค์ คือ โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา และขยายออกไปยังพื้นที่ที่เสด็จพระราชดำเนินไปบ่อยครั้ง เช่น อำเภอหัวหิน จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดใกล้เคียง เช่น เพชรบุรีและราชบุรี เป็นต้น โดยมีพระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวลเป็นศูนย์กลาง


๓. พระตำหนักประจำภูมิภาคต่างๆ ที่เป็นฐานการทรงงานและเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรอย่างทั่วถึง

ที่ประทับระยะแรกๆ ที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร เป็นสถานที่ที่หน่วยราชการในพื้นที่จัดถวาย ซึ่งอยู่ในเขตโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือที่ทำการของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่างๆ เมื่อมีการสร้างพระตำหนักประจำภูมิภาคต่างๆ แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักเหล่านั้นในแต่ละภาคตามลำดับตั้งแต่ต้นปี ดังนี้ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จังหวัดนราธิวาส และพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร อนึ่ง บางปีจะเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระราชวังบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อจะได้ทรงมีโอกาสเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของราษฎรได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น

เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปถึงหมู่บ้านหรือพื้นที่เป้าหมายของแต่ละวัน จะมีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้รอบรู้เกี่ยวกับพื้นที่ในบริเวณดังกล่าว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น หากทรงพบปัญหาเกี่ยวกับการดำรงชีพของราษฎร หรือในบางกรณีเมื่อราษฎรทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาก็จะเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรพื้นที่ที่มีปัญหาด้วยพระองค์เอง แล้วจึงพระราชทานแนวพระราชดำริแก้ไขปัญหาแก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาและฝ่ายรักษาความมั่นคงที่โดยเสด็จด้วย สำหรับฎีกาที่ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย จะทรงรับกลับมาและโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาศึกษาตามแนวพระราชดำริก่อนดำเนินการช่วยเหลือตามความเหมาะสม

ในขบวนเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะประกอบด้วยคณะแพทย์หลวงและคณะแพทย์อาสาผู้ชำนาญการหลายสาขาที่โดยเสด็จไปด้วยทุกแห่ง เมื่อขบวนเสด็จพระราชดำเนินไปหยุดที่ใดคณะแพทย์เหล่านี้จะรักษาราษฎรผู้เจ็บป่วยตามความเหมาะสม สำหรับรายที่มีอาการหนัก จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รับไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์

ภาพที่ประชาชนเห็นจนชินตาคือ พระอิริยาบถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ประทับพับเพียบหรือประทับราบลงกับพื้นดินและมีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรอย่างไม่ถือพระองค์ ในพระหัตถ์ข้างขวามีดินสอและพระหัตถ์ข้างซ้ายมีสมุดจดบันทึกหรือแผนที่ ปรากฏรอยแย้มพระโอษฐ์ทุกครั้งที่แวดล้อมด้วยราษฎร ไม่ว่าราษฎรผู้นั้นจะเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในลักษณะใด ความไม่ถือพระองค์ยังเห็นได้จากราษฎรในพื้นที่ห่างไกลเหล่านั้นไม่คุ้นเคยกับการใช้คำราชาศัพท์ก็ไม่ทรงถือเป็นเรื่องใหญ่

กล่าวกันว่า ช่วงพุทธศักราช ๒๕๑๒ - ๒๕๒๐ ระยะทางที่เสด็จพระราชดำเนินยาวไกลกว่าหนึ่งแสนกิโลเมตรและหลังจากนั้นยังเสด็จพระราชดำเนินติดต่อกันอีกเกือบ ๑๐ ปี บ้างจึงว่าไกลกว่าระยะทางจากโลกถึงดวงจันทร์ ทั้งนี้เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ทวยราษฎร์ แม้จะยังไม่มีการถวายพระราชสมัญญาอย่างเป็นทางการในการเดินทาง แต่อาจกล่าวได้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เดินทางยาวไกลที่สุดพระองค์หนึ่งของโลก

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินอย่างแท้จริง กล่าวได้ว่าแผ่นดินในสยามประเทศนี้ ไม่มีจังหวัดใด หรืออำเภอใดที่ไม่เคยเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนอาณาประชาราษฎร์ ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจด้วยพระราชหฤทัยเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่พสกนิกร อันนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติสืบต่อไป


ตาราง ก พระตำหนักที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างขึ้น เพื่อเป็นที่ประทับในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรมเพื่อทรงงานและเยี่ยมเยียนราษฎร

พระตำหนัก
ที่ตั้ง สร้างขึ้นเมื่อ พุทธศักราช
เนื้อที่
โดยประมาณ (ไร่)
หมายเหตุ
ภูพิงคราชนิเวศน์ ดอยบวกห้า
ตำบลสุเทพ
อำเภอเมืองเชียงใหม่
จังหวัดเชียงใหม่
๒๕๐๔ ๔๐๐ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหาร
เมื่อครั้งทรงสมณศักดิ์เป็นพระศาสนโสภณ ดำริชื่อถวาย
ทักษิณราชนิเวศน์ เขาตันหยงมัส
ตำบลกะลุวอเหนือ
อำเภอเมืองนราธิวาส
จังหวัดนราธิวาส
๒๕๑๕ ๓๐๐ -
ภูพานราชนิเวศน์ เทือกเขาภูพาน
อำเภอเมืองสกลนคร
จังหวัดสกลนคร
๒๕๑๘ ๙๔๐ ต่อมาได้ขยายเขตพื้นที่เพื่อ
จัดทำโครงการฟื้นฟูสภาพป่า
คืนชีวิตสู่ธรรมชาติอีกประมาณ
๑,๐๑๐ ไร่ รวมเป็นพื้นที่
๑,๙๕๐ ไร่

ตาราง ข ระยะทางการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ต่างๆ

ช่วงเวลาที่เสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ต่างๆ (เดือน/พุทธศักราช)
รวม
ระยะทางที่เสด็จพระราชดำเนิน(กิโลเมตร)
๑๓๖,๒๓๗.๒
ตุลาคม ๒๕๑๒ - กันยายน ๒๕๑๓
ตุลาคม ๒๕๑๓ - กันยายน ๒๕๑๔
ตุลาคม ๒๕๑๔ - กันยายน ๒๕๑๕
ตุลาคม ๒๕๑๗ - กันยายน ๒๕๑๘
ตุลาคม ๒๕๑๙ - กันยายน ๒๕๒๐
๑๕,๔๗๓.๐
๒๐,๗๘๗.๗
๒๗,๒๒๙.๗
๓๐,๘๖๗.๑
๔๑,๘๗๙.๗


ประมวลพระบรมฉายาลักษณ์ช่วงที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร