ปริญญาฯ-มหาวิทยาลัยแคนเบอร์รา
(คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ)
คำประกาศสดุดีพระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ในโอกาสที่มหาวิทยาลัยแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรเลีย
ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ด้านการศึกษา
ณ พระตำหนักจิตรลาดรโหฐาน พระราชวังดุสิต
วันพฤหัสบดี ที่ ๒๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๓๙
เหตุผลสนับสนุนการอนุมัติปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยแก่บุคคลใดก็คือ การเป็นผู้ที่มีผลงานสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยมในฐานะนักวิชาการในสายวิชาการ วิทยาศาสตร์ประยุกต์ หรืออักษรศาสตร์ หรือการเป็นผู้ประกอบคุณประโยชน์อันโดดเด่นในด้านวิชาการ วิทยาศาสตร์ประยุกต์ หรืออักษรศาสตร์
การทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น เป็นผลมาจากการตระหนักถึงการที่ทรงอุทิศพระองค์ด้านวิชาการ วิทยาศาสตร์ประยุกต์ หรืออักษรศาสตร์ โดยทรงมุ่งมั่นและทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในชนบทของประเทศไทยในด้านการดูแลสุขภาพ การศึกษา การอนุรักษ์น้ำและดิน การชลประทาน การทดลองปลูกพืชพันธุ์ชนิดใหม่ๆ และโครงการที่สนับสนุนความเป็นอยู่อย่างพอเพียง ตลอดจนการขจัดความยากจน
มหาวิทยาลัยแคนเบอร์รามีความปลื้มปิติที่ได้เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงอุทิศพระองค์ให้แก่พระชาชนชาวไทยตลอดระยะเวลา ๕๐ ปี แห่งการครองสิริราชสมบัติ และขอร่วมกับชาวไทยในการสดุดีพระเกียรติคุณที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันประสบผลสำเร็จมากมาย ด้วยการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์นี้
พระราชกรณียกิจอันโดดเด่นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงนำพาประชาชนของพระองค์ด้วยพระปรีชาสามารถ พระวิริยะอุตสาหะในการทรงงานหนักอย่างไม่ย่อท้อ ผ่านการเปลี่ยนแปลงมากมายตลอดระยะเวลา ๕๐ ปี ได้ทรงป้องกันประเทศไทยมิให้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของระบอบเผด็จการทางทหาร ซึ่งปัจจัยสำคัญในการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยของประเทศ ให้ทันสมัยก็คือการที่ชนชั้นกลางที่มีการศึกษามีบทบาทสำคัญในสังคมมากขึ้น สิ่งนี้มิใช่ความสำเร็จระดับธรรมดา ณ วันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นที่ยอมรับในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์สูงสุดของประเทศไทย
ประเทศไทยนั้นมีลักษณะพิเศษแทบจะไม่เหมือนประเทศอื่นใดในโลก นั่นก็คือ เป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีพระมหากษัตริย์ทรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ มีระดับมาตรฐานการครองชีพที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และมีการกระจายความเจริญทางวัตถุไปสู่สังคมทุกชั้นโดยเท่าเทียมกันอย่างน่าชื่นชม ประเทศไทยสามารถอยู่รอด เจริญเติบโต และดำรงอยู่ด้วยความสงบสุขได้มากกว่าเกือบทุกประเทศในภูมิภาค ส่วนใหญ่เป็นผลจากพระบรมราโชบาย ตลอดจนพระวิสัยทัศน์ด้านคุณธรรมและพระวิริยอุตสาหะ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ด้วยสถานะเช่นนี้ พระองค์ทรงปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามสิทธิ ๓ ประการ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ นั่นคือ สิทธิที่จะพระราชทานคำแนะนำ สิทธิที่จะพระราชทานคำปรึกษา และสิทธิที่จะทรงสนับสนุนและพระราชทานกำลังใจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้สิทธิทั้ง ๓ ประการนี้ ในการทรงนำการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยของไทยด้วยพระปรีชาสามารถอันยอดเยี่ยม ความเป็นรัฐบุรุษของพระองค์ทำให้ทรงสามารถ บรรเทาสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองได้หลายครั้งหลายครา และนำสันติสุขกลับคืนสู่ฝ่ายที่ขัดแย้งกัน ของขวัญที่พระองค์พระราชทานแก่พสกนิกรในรูปของระบอบประชาธิปไตยภายใต้ระบบรัฐสภาที่แข็งแกร่ง เป็นผลจากการทรงเป็นผู้นำที่ทรงพระปรีชาสามารถ
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จนิวัตประเทศไทยในพุทธศักราช ๒๔๙๔ อันเป็นช่วงต้นๆ ของรัชสมัยประชาธิปไตยของไทยยังคงเปราะบางมาก อาจก้าวพลาดได้ง่าย พระราชบัลลังก์เองก็ยังไม่มั่นคง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงงานอย่างทุ่มเทไม่ทรงเหน็ดเหนื่อย เพื่อให้ระบอบกษัตริย์ดำเนินสอดประสานไปกับการดำเนินชีวิตของประชาชน และทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์โดยตรงต่อประชาชน ลักษณะเฉพาะของรัชสมัยของพระองค์ก็คือ การเสด็จพระราชดำเนินไปพบปะกับพสกนิกรโดยตรงทุกระดับชั้น ทั้งผู้ที่ยากไร้และผู้ที่มีฐานะ การที่พระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมประชาชนในดินแดนที่ทุรกันดารที่สุดของราชอาณาจักร เป็นวิถีที่ถูกต้องที่สุดในการค่อยๆ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ในชนบทที่ห่างไกลความเจริญ
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้งหลายครอบคลุมสาขาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตในชนบท รวมถึงการดูแลสุขภาพ การศึกษา การอนุรักษ์น้ำและดิน การทดลองปลูกพืชพันธุ์ชนิดใหม่ๆ และโครงการที่สนับสนุนความเป็นอยู่อย่างพอเพียง ตลอดจนการขจัดความยากจน โครงการต่างๆ เหล่านี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกำกับดูแลด้วยการ “ทรงลงมือ” ด้วยพระองค์เอง ได้ทรงงานหนักและ ตรากตรำพระวารกายท่ามกลางพสกนิกรชาวชนบท เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและความเจริญก้าวหน้า
นอกจากโครงการต่างๆ ที่ทรงอุทิศเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเกษตรแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังสนพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง ที่จะทรงสนับสนุนและอุปถัมภ์การศึกษาด้วย นับตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๐๒ เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งมูลนิธิอานันทมหิดล เพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์แห่งสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชรัชกาลที่ ๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชทรัพย์เพื่อเป็นทุนไปศึกษาในต่างประเทศ และยังได้พระราชทานรางวัล และทุนการศึกษาอีกจำนวนมากจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์แก่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ
เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกลและมีสภาพแวดล้อมที่ยากไร้ขัดสน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อสร้างโรงเรียน ทำให้เด็กมีโอกาสทางการศึกษา ซึ่งก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับพวกเขา โรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ดังกล่าวส่วนมากตั้งอยู่ในภาคเหนือ บุตรหลานของชาวไทยภูเขามีโอกาสได้เรียนในโรงเรียนที่มีชื่อว่า “โรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์”
โรงเรียนอีกกลุ่มหนึ่งคือ “โรงเรียนร่มเกล้า” หรือโครงการโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ สร้างขึ้นที่จังหวัดนครพนม จังหวัดสกลนคร และจังหวัดนราธิวาส พระมหากรุณาธิคุณอีกประการหนึ่งคือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้จัดตั้งห้องสมุดประชาชนขนาดเล็ก หรือ “ศาลารวมใจ” ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ นอกจากจะได้รับพระราชทานหนังสือและจุลสารแก่ห้องสมุด ศาลารวมใจยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของชุมชน ในการที่จะสนับสนุนการจัดแสดงศิลปะพื้นบ้าน งานฝีมือ ทั้งยังเป็นสถานที่ให้บริการทางการแพทย์อีกด้วย นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังมีพระมหากรุณาธิคุณต่อเยาวชนไทย โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำเนินการจัดทำสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน จำนวน ๑๒ เล่ม** อีกด้วย
บทบาทของโครงการหลวงในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนนั้น ได้รับการสดุดีในระดับนานาชาติในรูปแบบต่างๆ ไม่เพียงแต่รัฐบาลหลายประเทศจะได้มอบทุนทรัพย์และความช่วยเหลือด้านผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ในพุทธศักราช ๒๕๓๑ ได้มีการมอบรางวัลรามอน แม็กไซไซ หรือรางวัลโนเบลของเอเชีย สาขาความเข้าใจระหว่างประเทศ ให้แก่โครงการนี้ด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงเป็นผู้นำ ในการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ประเทศเพื่อนบ้านของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว องค์การสหประชาชาติกำลังสนับสนุนให้ชาติอื่นๆ ซึ่งประสบปัญหาทำนองเดียวกันดำเนินการตามตัวอย่างของโครงการเหล่านี้บางโครงการ เช่น โครงการปลูกพืชทดแทน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงงานอย่างหนักในการดำเนินโครงการเหล่านี้ โดยทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ดูแลด้วยพระองค์เองโดยตรง เพื่อแก้ไขปัญหาอันเกี่ยวกับชนบททุกเรื่อง นับตั้งแต่การอนุรักษ์ดินและน้ำ จนถึงการอนุรักษ์ป่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักดีว่าปัญหาความยากจน สุขภาพอนามัย และการศึกษา ของบรรดาแรงงานที่ต้องพึ่งพาเกษตรกรรม จำนวนถึงร้อยละ ๖๐ – ๗๐ ต้องได้รับการแก้ไข เพื่อช่วยให้ประชากร ๓๐ ล้านคนในชนบท สามารถพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น และสามารถมีส่วนสร้างเสริมความมั่นคงของประเทศได้
รัชสมัยแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นรัชสมัยที่มีความสำคัญโดดเด่น มหาวิทยาลัยแคนเบอร์ราจึงมีความชื่นชมโสมนัส ที่จะขอประกาศสดุดีพระเกียรติคุณ ในความสำเร็จหลากหลายประการของพระองค์ ที่ได้ปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่ทรงตระหนักว่าการศึกษาของพสกนิกรเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
*ปัจจุบันมีมากกว่า ๓,๐๐๐ โครงการ ; * *เล่มล่าสุดคือเล่ม ๓๐
ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาบัตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ด้านการศึกษา
ณ พระตำหนักจิตรลาดรโหฐาน พระราชวังดุสิต
วันพฤหัสบดี ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๓๙
หน้าแรกประมวลคำสดุดีพระเกียรติคุณฯ | บัญชีปริญญาดุษฎีบัณฑิตฯ | บัญชีตำแหน่งสมาชิกกิตติมศักดิ์ฯ | บัญชีรางวัลฯ | พระราชกรณียกิจ |